พิธีเสกน้ำมุรธาภิเษกและน้ำอภิเษกสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่จะประกอบการพระราชพิธีในวันที่ 3-5 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ มีขั้นตอนพิธีที่สำคัญที่สุด คือ การสรงมุรธาภิเษก นับเป็นวินาทีการเปลี่ยนผ่านพระราชสถานะเป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการ ซึ่งขั้นตอนการสรงมุรธาภิเษกและรับน้ำอภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยรับอิทธิพลมาจากพิธีราชสูยะของอินเดีย

ความสำคัญของขั้นตอนการสรงน้ำมุรธาภิเษกและรับน้ำอภิเษกยังเห็นได้จากรากศัพท์ของคำว่า “บรมราชาภิเษก” ที่มาจากคำว่า “อภิเษก” ซึ่งมีความหมายว่า “แต่งตั้งโดยการรดน้ำ เช่น พิธีขึ้นเสวยราชย์ของพระเจ้าแผ่นดิน” ดังนั้น พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจึงหมายถึงการรดน้ำเพื่อสถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งน้ำที่จะใช้ในการพระราชพิธีจะต้องผ่านการเสกน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

 

เมื่อขั้นตอนการสรงน้ำมุรธาภิเษก คือขั้นตอนสำคัญที่สุด การเตรียมน้ำสรงมุรธาภิเษกและน้ำอภิเษกจึงถือเป็นขั้นตอนสำคัญอย่างยิ่ง การเตรียมน้ำสรงมุรธาภิเษกและน้ำอภิเษกที่จะใช้ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายเดือน โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องการจัดหาน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จากทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 108 แห่ง รวมถึงรับผิดชอบการเก็บรักษาน้ำจนกว่าจะถึงวันประกอบพระราชพิธี

เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา มีขั้นตอนส่วนสำคัญ คือ พิธีเสกน้ำอภิเษกที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ขั้นตอนพิธีเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าเริ่มจากการเชิญคนโทน้ำอภิเษกจำนวน 86 ใบ จากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม เคลื่อนริ้วขบวนเวลา 06.30 น. โดยมี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานขบวนแห่เชิญน้ำอภิเษก

Advertisment

ผู้ที่อยู่ในขบวนแห่เชิญน้ำอภิเษกประกอบไปด้วย ขบวนดุริยางค์กองทัพบก ขบวนธงชาติและธงตราสัญลักษณ์ รถเชิญคนโทน้ำอภิเษก คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้เชิญคนโท ข้าราชการระดับสูง พนักงานรัฐวิสาหกิจของกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการทุกจังหวัด รถตำรวจนำและปิดท้ายขบวน

ขบวนเคลื่อนออกจากถนนอัษฎางค์หน้ากระทรวงมหาดไทย เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนบำรุงเมือง ตรงไปยังวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร รวมระยะทาง 740 เมตร

เมื่อขบวนถึงด้านหน้าวัดสุทัศนเทพวรารามแล้ว ผู้เชิญคนโทได้เชิญคนโทน้ำอภิเษกทั้ง 86 ใบ เข้าสู่ภายในวัดทีละใบ จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยฯ ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง และผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด เชิญคนโทน้ำไปวางในพระวิหารหลวง โดยวางแบบทักษิณาวัตร หรือวางแบบเวียนขวา เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการเชิญน้ำอภิเษก

พิธีการช่วงบ่าย 15.00 น. ข้าราชการ ทหาร พลเรือน และผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมแขกผู้มีเกียรติ พร้อมกัน ณ บริเวณพิธี จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเดินทางมาที่พระวิหารหลวง พิธีบวงสรวงบูชาฤกษ์ บริเวณด้านหน้าพระวิหารหลวง

Advertisment

ส่วนพิธีเสกน้ำช่วงเย็น 17.00 น. สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) ประธานฝ่ายสงฆ์ เสด็จมาถึงพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวราราม จากนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานศาลฎีกา ร่วมกันถวายพัดรองที่ระลึกแด่พระสงฆ์ 68 รูป พระสงฆ์สวดภาณวาร 4 รูป และพระนั่งปรก (เจริญจิตภาวนา) 5 รูป

 

จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนพิธีสำคัญ นายกรัฐมนตรีนำจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ (กระบะมุก) ที่หน้าพระศรีศากยมุนี พระประธานพระวิหารหลวง นายกรัฐมนตรีถวายความเคารพ เปิดกรวยกระทงธูปเทียนแพถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาอาราธนาศีล และสมเด็จพระสังฆราชให้ศีล

หลังจากสมเด็จพระสังฆราชให้ศีลจบ นายกรัฐมนตรีไปยังตู้เทียนชัย สมเด็จพระสังฆราชเสด็จมายังตู้เทียนชัยที่ใช้จุด ซึ่งเทียนชัยมีน้ำหนัก 80 บาท จำนวนไส้ 108 เส้น มีความสูงเท่ากับประธานของงาน

สมเด็จพระสังฆราชทรงเจิมเทียนชัย นายกรัฐมนตรีถวายเทียนชนวนแด่สมเด็จพระสังฆราช

เมื่อถึงฤกษ์เวลา 17.19 น. สมเด็จพระสังฆราชทรงจุดเทียนชัย ในขณะนั้น วงปี่พาทย์ กรมศิลปากร จะบรรเลงเพลงสาธุการ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาจุดเทียนชัย ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ภูษามาลา แกว่งบัณเฑาะว์ ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เมื่อจุดเทียนชัยแล้ว สมเด็จพระสังฆราชส่งเทียนชนวนคืนแก่นายกรัฐมนตรี และเสด็จกลับไปประทับ ณ อาสน์สงฆ์ นายกรัฐมนตรีส่งเทียนชนวนคืนแก่เจ้าหน้าที่

ลำดับถัดไป นายกรัฐมนตรีรับเทียนจากเจ้าหน้าที่ จุดเทียนวิปัสสี จุดเทียนมหามงคล และเทียนมหาหรคุณ แล้วส่งเทียนชนวนคืนให้เจ้าหน้าที่ แล้วกลับไปนั่งยังเก้าอี้

ลำดับต่อไป พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ จุดธูปเทียนบูชาเทพยดา และอ่านประกาศชุมนุมเทวดา บอกกล่าวเทพยดาให้มาปกปักษ์รักษาภายในพิธีนี้ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์ 68 รูปเจริญพระพุทธมนต์

หลังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์แล้วเสร็จในเวลา 18.30 น. นายกรัฐมนตรีจุดเทียนที่ครอบสัมฤทธิ์แล้วถวายสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระสังฆราชจึงทำการโปรยข้าวตอก ดอกไม้ และทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่คนโทน้ำพระพุทธมนต์จากจังหวัดต่าง ๆ ภายในราชวัติ และในขณะเดียวกัน พระสงฆ์จะเจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ภูษามาลา แกว่งบัณเฑาะว์ ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์อีกครั้ง

พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ถวายพระประทีป สั่นกระดิ่ง และโปรยข้าวตอก ดอกไม้ที่คนโทน้ำพระพุทธมนต์จากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศภายในราชวัติ ในขณะนั้นพระสงฆ์จะเจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ภูษามาลา แกว่งบัณเฑาะว์ ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติ และประธานศาลฎีกา ร่วมกันถวายจตุปัจจัยไทยธรรม และย่ามปักตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก นายกรัฐมนตรีกรวดน้ำ และไปยังหน้าพระสวดภาณวาร จุดเทียนทอง-เงิน และเครื่องบูชากระบะมุก เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาอาราธนาพระสวดภาณวาร นายกรัฐมนตรีจุดพุทธาภิเษกข้างตู้เทียนชัยซ้าย-ขวา

เวลา 20.10 น. สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม เดินทางมาถึงวัดสุทัศนเทพวราราม แล้วประทับอาสน์สงฆ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเชิญใบพลู และถวายใบพลูแด่สมเด็จพระพุฒาจารย์

เวลา 20.19 น. สมเด็จพระพุฒาจารย์บริกรรมคาถา และดับเทียนชัย พร้อมกันกับพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์คาถาดับเทียนชัย เจ้าหน้าที่ประโคมฆ้องชัย และวงดนตรีไทยบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ เป็นอันเสร็จพิธี ณ เวลา 21.30 น.

จากนั้นวันที่ 19 เมษายน 2562 เวลา 07.30 น. กระทรวงมหาดไทยได้แห่ขบวนเชิญน้ำอภิเษกจากวัดสุทัศนเทพวรารามไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เก็บรักษาไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนกว่าจะถึงขั้นตอนพระราชพิธีสรงมุรธาภิเษกและทรงรับน้ำอภิเษกจากพระราชครูพราหมณ์ ในวันที่ 4 พฤษภาคม