เอสซีจีแนะยกระดับธุรกิจด้วยบล็อกเชน ลดต้นทุนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง-วางบิล-ชำระเงิน ได้ดียิ่งขึ้น

      ในยุคที่ธุรกิจต้องแข่งกันด้วยความเร็วและการควบคุมต้นทุนกระบวนการต่างๆ ให้ดีที่สุด เทคโนโลยีดิจิทัลจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น เช่นเดียวกับที่เอสซีจีได้นำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง-วางบิล-ชำระเงิน กว่าหนึ่งปี จนสามารถลดระยะเวลาดำเนินการได้ร้อยละ 50 ลดต้นทุนต่อรายการได้ร้อยละ 70 และทำให้พนักงานคล่องตัวขึ้น และยังพร้อมสนับสนุนให้คู่ธุรกิจทดลองใช้ เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันทั้งอีโคซิสเทมด้วย 

      นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน เอสซีจี เผยว่า “การนำบล็อกเชนมาใช้เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง-วางบิล-ชำระเงิน หรือที่เรียกว่า “B2P” (Blockchain Solution for Procure-to-Pay) ของเอสซีจีกับคู่ธุรกิจ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการสร้างความร่วมมือกับดิจิทัล เวนเจอร์ส ซึ่งเป็นผู้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินชั้นนำ เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจขององค์กรให้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น”

สร้างข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย ลดเวลาและต้นทุนในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยบล็อกเชน

      หลังจากเอสซีจีเริ่มใช้งานแพลตฟอร์ม B2P กับคู่ธุรกิจกว่า 240 ราย ที่ทำรายการจัดซื้อจัดจ้าง ประเภทวัตถุดิบ วัสดุสิ้นเปลือง วัสดุอะไหล่ และการให้บริการมากว่า 1 ปี ก็มีผลเป็นที่น่าพอใจ 

      นายธรรมศักดิ์ เล่าต่อในเรื่องนี้ว่า “นอกจากบล็อกเชนจะทำให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในกระบวนการมีความน่าเชื่อถือแล้ว ยังช่วยเชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการเข้าด้วยกันเป็นอีโคซิสเทมที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูง จากการทำให้ข้อมูลแต่ละรายการถูกเข้ารหัสความปลอดภัยและไม่สามารถแก้ไขได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เกี่ยวข้อง และช่วยลดความผิดพลาดได้ดียิ่งขึ้น จากการที่ระบบสามารถตรวจสอบรายการในจุดต่าง ๆ ได้อย่างอัตโนมัติและแม่นยำ 

      แพลตฟอร์ม B2P ยังช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง-วางบิล-ชำระเงิน ได้กว่าร้อยละ 50 เหลือเฉลี่ย 35 นาที จาก 70 นาทีต่อรายการ จากการลดขั้นตอนการรับ-ส่งข้อมูลและการตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ รวมทั้งยังช่วยลดต้นทุนต่อรายการได้ร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับกระบวนการทำงานแบบเดิม และทำให้การทำงานมีความคล่องตัวมากขึ้น จึงเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาทักษะให้สามารถทำงานอื่นที่มีคุณค่ากับองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียได้มากขึ้น”

คู่ธุรกิจพอใจ B2P ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้ดีขึ้น

      คู่ธุรกิจยังได้ประโยชน์อย่างมากจากการใช้งานแพลตฟอร์ม B2P กับเอสซีจี เพราะทำให้สามารถตรวจสอบสถานะของรายการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์ รวมทั้งได้รับชำระเงินตรงตามกำหนด จากขั้นตอนการตรวจสอบรายการที่มีความรวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้คู่ธุรกิจสามารถทำเรื่องขอสินเชื่อจากธนาคารได้สะดวกรวดเร็ว จึงทำให้คู่ธุรกิจเกิดสภาพคล่องทางธุรกิจมากขึ้น 

      ปัจจุบันเมื่อเอสซีจีแจ้งไปยังคู่ธุรกิจว่าจะสั่งซื้อสินค้า หรือเมื่อมีการส่งและรับสินค้าแล้ว ระบบจะแจ้งเตือนไปยังผู้เกี่ยวข้องในอีโคซิสเทมแบบอัตโนมัติและทันที ทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งเมื่อก่อนหากคู่ธุรกิจต้องการยื่นขอสินเชื่อจะต้องนำเอกสารใบแจ้งหนี้ตัวจริงไปยื่นกับธนาคารและต้องรอประเมินผลกว่า 2 อาทิตย์ แต่ถ้าทำในระบบนี้จะเร็วขึ้น ซึ่งเอสซีจีก็ได้เตรียมความพร้อมให้คู่ธุรกิจ โดยการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และให้คำปรึกษา ตั้งแต่การเริ่มใช้งานไปจนถึงการช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันบนแพลตฟอร์ม B2P ได้อย่างดีที่สุด” นายธรรมศักดิ์ กล่าว

ทิศทางในอนาคตของเอสซีจีกับการนำบล็อกเชนมาใช้

      เอสซีจีอยู่ระหว่างการพัฒนาฟังก์ชั่นของแพลตฟอร์ม B2P เพื่อขยายผลไปยังประเภทการจัดซื้อจัดจ้างอื่น ๆ โดยตั้งเป้าให้มีจำนวนคู่ธุรกิจเข้ามาใช้งาน 2,400 ราย ภายในปี 2563 รวมทั้งยังศึกษากระบวนการส่วนที่เป็นการขายสินค้าและบริการของเอสซีจีให้ลูกค้าหรือผู้แทนจำหน่าย ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในมุมต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ รวมถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าด้วย  

      นายธรรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า “ปีหน้าเราตั้งเป้าเพิ่มจำนวนคู่ธุรกิจให้มากขึ้น เพราะยิ่งมีคู่ธุรกิจเข้ามาใช้งานเยอะ ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้ทั้งสองฝ่ายมากขึ้น และเรายังศึกษาการนำบล็อกเชนมาใช้กับการขายสินค้าและบริการของเอสซีจีด้วย และในส่วนของเทคโนโลยีก็อาจพัฒนาให้แพลตฟอร์มสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้เอง ซึ่งในการพัฒนาระบบต่าง ๆ นั้น เอสซีจีจะดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะปลอดภัย สามารถป้องกันความเสี่ยงด้านการทุจริต คงความน่าเชื่อถือของข้อมูล และความแข็งแรงของระบบ โดยแพลตฟอร์มนี้ ได้รับการพัฒนาบนเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่มีประสิทธิภาพ จึงช่วยสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี”

ชวนธุรกิจทุกขนาด เริ่มนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เร็ว เพื่อแข่งขันได้ในยุคปัจจุบัน

      แม้การนำบล็อกเชนหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และอาจมีส่วนทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อกระบวนการต่างๆ มีความรวดเร็ว ก็จะช่วยเพิ่มความเชื่อถือให้กับลูกค้าได้ แต่ทุกองค์กรควรคำนึงถึงการทดลองใช้งานเทคโนโลยีในขนาดเล็กก่อนจึงค่อยขยายผลต่อไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพกับธุรกิจอย่างแท้จริง

      การลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเราอยู่ในยุคที่ไร้พรมแดนที่ทำให้การแข่งขันต่าง ๆ สูงมากขึ้น จริงอยู่ที่การทดลองเรื่องใหม่ ๆ มีความเสี่ยง แต่เทคโนโลยีนี้เอสซีจีได้ทดลองใช้ให้แล้วและเห็นผลดี จึงอยากเชิญชวนให้ธุรกิจต่าง ๆ ลองใช้ โดยอาจทดลองกับอีโคซิสเทมที่มีอยู่ โดยเฉพาะคู่ธุรกิจที่มีความรู้และความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีเป็นอย่างดี เพื่อให้คนในองค์กรปรับตัวได้เร็วและใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มต้นให้เร็ว เพราะจะยิ่งได้ประโยชน์ในยุคที่เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากองค์กรใดต้องการเริ่มต้นใช้งานเทคโนโลยีโดยเฉพาะแพลตฟอร์ม B2P เอสซีจีก็ยินดีที่จะแบ่งปันองค์ความรู้ให้เช่นกัน” นายธรรมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

      ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม B2P ได้ที่ http://bit.ly/31QVVCB หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อีเมล [email protected] หรือ โทร.02-586-2108 และสามารถติดตามข่าวสารอื่นๆ ของเอสซีจีได้ที่ https://scgnewschannel.com / Facebook: scgnewschannel / Twitter: @scgnewschannel หรือ Line@: @scgnewschannel