
เหลือเวลาอีกเพียง 4 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกยื่นคำร้องให้ กกต. ตรวจสอบการถือครองหุ้นบริษัทสื่อ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันนี้ (10 พ.ค.) ขอให้ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่
- พายุลูกใหม่จ่อเข้าไทย ชี้ความรุนแรงเท่า “เตี้ยนหมู่” ระวังน้ำท่วมใหญ่
- ราคายางใกล้แตะ 50 บาท/กก. กระทบโรงงานน้ำยางข้นต้นทุนพุ่ง-จ่อปิดตัว
- กรมอุตุฯเตือน “พายุดีเปรสชั่น” เข้าไทย รับมือฝนตกหนัก-ท่วมฉับพลัน
นายพิธา วัย 42 ปี ไม่เพียงเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แต่ยังเป็นหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของพรรค
นายเรืองไกรระบุว่า “พบข้อมูลที่น่าเชื่อว่า” นายพิธาถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV โดยเจ้าตัวได้ออกมายอมรับเรื่องชื่อผู้ถือหุ้นอยู่ใน บมจ.ไอทีวี และเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อ ตามข้อมูลที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงไว้ และรายงานการประชุมของบริษัทเมื่อ 26 เม.ย. 2566 จึงถือว่าองค์ประกอบต่าง ๆ ครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว
“ผมหวังว่า กกต. จะทำหน้าที่โดยเร็ว ไม่ต้องรอวันเวลาต่าง ๆ ให้เนิ่นนานไปกว่านี้ เพราะถ้ารีบวินิจฉัย เรื่องก็จะไปศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง แต่ถ้ารอรับรองคุณสมบัติ เรื่องจะต้องไปศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” นายเรืองไกรกล่าว
นายเรืองไกร เป็นอดีตฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ลาออกมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อนลาออกจากการเป็นสมาชิก พปชร. อีกครั้ง
เขาอ้างถึงการการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในกรณีหุ้นของนายพิธา สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
จากการตรวจสอบข้อมูล ณ 7 เม.ย. 2566 ทำให้เข้าใจว่า
- นายพิธายังคงเป็นผู้ถือหุ้นของ บมจ.ไอทีวี ในลำดับที่ 6,121
- เลขทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ 4030954168
- ที่อยู่ 98/26 อาคารซิลเวอร์เฮอริเทจ ซ.สุขุมวิท 38 ถ.สุขุมวิท พระโขนง คลองเตย 10110
- จำนวนหุ้น 42,000 หุ้น
เมื่อตรวจสอบข้อมูลของ บมจ.ไอทีวี จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า
- สถานะนิติบุคคล : ยังดำเนินกิจการอยู่
- ทุนจดทะเบียน : 7.8 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจตอนจดทะเบียน : การออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงยกเว้นทางออนไลน์
- วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน : สถานีโทรทัศน์
- หมวดธุรกิจ : กิจกรรมเผยแพร่ภาพยนตร์วีดิทัศน์และรายการโทรทัศน์
- ปีที่ส่งงบการเงิน : ปี 2560-2564
เมื่อตรวจข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น บมจ.ไอทีวี จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ 27 เม.ย. 2565 พบว่า
- นายพิธาเป็นผู้ถือหุ้นในลำดับที่ 7,138
- จำนวน 42,000 หุ้น
- เลขที่ใบหุ้น 06680180285422
- มูลค่าหุ้นละ 5 บาท
เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากจากเว็บไซต์ของ บมจ.ไอทีวี พบว่า
- บริษัทแจ้งว่า ประกอบกิจการรับจ้างโฆษณา ประชาสัมพันธ์ทุกชนิดทุกประเภท
- รายได้ : ปี 2565 รวม 21 ล้านบาท และปี 2564 รวม 24 ล้านบาท
- บริษัทมีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) เมื่อ 26 เม.ย. 2566
เมื่อตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่นายพิธาแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกาทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อ 25 พ.ค. 2562 พบว่า นายพิธาแจ้งเงินลงทุนไว้ 45 รายการ แต่ไม่พบลงทุนในหุ้นบริษัทไอทีวี
นายเรืองไกรจึงขอให้ กกต. ตรวจสอบข้อมูลว่านายพิธาถือหุ้นจำนวนดังกล่าวมาตั้งแต่เมื่อใด หากถือมาก่อนการเลือกตั้งทั่วไป 24 มี.ค. 2562 จะเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ลงสมัคร ส.ส. หรือไม่ และการเป็น ส.ส. ที่ผ่านมา จะชอบหรือไม่
รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ห้ามมิให้บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ส.ส.
ขณะเดียวกัน มาตรา 160 ยังกำหนดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีไว้ว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามาตรา 98 ด้วย นั่นเท่ากับว่า นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรี ก็ห้ามถือครองหุ้นสื่อด้วยเช่นกัน
พิธาไม่กังวลปมถือหุ้นสื่อ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ของเขาเมื่อ 9 พ.ค. ว่า “ผมไม่มีความกังวล เพราะไม่ใช่หุ้นของผม เป็นของกองมรดก ผมเพียงมีฐานะผู้จัดการมรดก และได้ปรึกษาและแจ้ง ป.ป.ช. ไปนานแล้ว”
หัวหน้าพรรค ก.ก. ผู้มีกระแสนิยมมาเป็นอันดับที่ 1 ตามการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนของสำนักโพลต่าง ๆ ณ ต้นเดือน พ.ค. ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า “เรื่องนี้อาจมีเจตนาสกัดพรรคก้าวไกล” และขอให้ผู้สมัคร ทีมงาน หัวคะแนนธรรมชาติ และประชาชนผู้สนับสนุนทุกคน อย่าหวั่นไหว เสียสมาธิในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขอให้ทุกคนมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มที่
เช่นเดียวกับ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรค ก.ก. ที่กล่าวระหว่างปราศรัยที่ จ.พิษณุโลก เมื่อ 9 พ.ค. ว่า นายพิธาเป็น ส.ส. มา 4 ปี อยู่ดี ๆ เพิ่งออกมาบอกว่าถือหุ้นสื่อ
“นี่เป็นมุก เป็นแผนการสกปรกของคนที่จนตรอก และกลัว เมื่อเขากลัว เขาก็พยายามบอกให้ประชาชนเลือกตั้งด้วยความกลัว” ช่อ-พรรณิการ์ ระบุ
อดีตเพื่อนร่วมพรรคชี้ ไร้หลักฐานทิมสละมรดก
นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และอดีตสมาชิกพรรค อนค. ออกมาตั้งข้อสังเกตถึงการที่นายพิธาออกมาระบุว่า เป็นผู้จัดการมรดก ไม่ใช่เจ้าของหุ้นไอทีวี
ในฐานะที่ได้รับมรดกเป็นหุ้นของไอทีวีเช่นเดียวกัน นายนิกส์ตั้งข้อสังเกผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในเอกสารของนายพิธาแจ้วว่า นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ เสียชีวิตในปี 2549 (พิธีศพระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน 2549) มีทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก 3 คนคือ นางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายภาษิ ลิ้มเจริญรัตน์
ตามกฎหมาย ทายาทเป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกจากผู้เสียชีวิต ดังนั้น บมจ.ไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น จะต้องตกเป็นของทายาทในสัดส่วนเท่า ๆ กัน ย่อมหมายความว่านายพิธา ยังคงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นไอทีวี จำนวน 14,000 หุ้น
“นายพิธาจะอ้างว่ามิใช่เจ้าของหุ้นไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏหลักฐานว่านายพิธาได้สละมรดกแต่อย่างใด อีกทั้ง การสละมรดกจำต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นต่อเจ้าพนักงาน หรือสัญญาประนีประนอม และในประการสำคัญ หากนายพิธาสละมรดกจริง ย่อมไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ ที่สำคัญถ้าหุ้นนี้เป็นของกองมรดกก็ต้องระบุใน บอจ.5 ว่าผู้ถือหุ้นคือนายพิธา ในฐานะผู้จัดการมรดก” อดีตเพื่อนร่วมพรรคของนายพิธากล่าว
นายนิกม์กล่าวว่า ตั้งแต่กรณีเรื่องหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตัวเขาเองก็ระมัดระวังตัว ในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ จึงได้ติดต่อโบรกเกอร์ ติดต่อ TSD เสียค่าธรรมเนียม ออกใบหุ้น เพื่อโอนออกจากตัวเองไปแล้ว
ย้อนคดีธนาธรพ้น ส.ส. เพราะคดีถือหุ้นสื่อ

ที่ผ่านมา มี ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 หลายคนต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากการถือหุ้นบริษัทสื่อ ในจำนวนนี้คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 ว่า นายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชนอยู่เมื่อ 6 ก.พ. 2562 อันเป็นวันที่พรรค อนค. ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา และมีคำสั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ชั่วคราวจนกว่าศาลจะวินิจฉัย ทำให้หัวหน้าพรรค อนค. ไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาแม้แต่วันเดียว
การประชุมสภานัดแรกเกิดขึ้นเมื่อ 25 พ.ค. 2562 โดยนายธนาธรได้เข้าร่วมปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่กับเพื่อน ส.ส. ด้วย ซึ่งต่อมานายชัย ชิดชอบ ประธานการประชุมสภาชั่วคราว ได้สั่งการให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอ่านคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว และไม่อนุญาตให้หัวหน้าพรรค อนค. พูดกลางสภา
นายธนาธรเปิดแถลงข่าว ยืนยันว่ายังเป็นตัวแทนของประชาชนโดยไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ในสภาเพียงอย่างเดียว แต่จะใช้เวลานี้ไปพบปะประชาชน
“ผมจะยังคงทำงานต่อไป ไม่ท้อถอย และจะไม่ไปไหน จะอยู่ตรงนี้ ทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ผมจะรอวันนั้น แล้วสักวันผมจะกลับมา” นายธนาธรกล่าวเมื่อ 25 พ.ค. 2562
ในระหว่างต่อสู้คดีถือหุ้นสื่อ นายธนาธรอ้างว่าได้โอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ จำนวน 675,000 หุ้น ให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา ตั้งแต่ 8 ม.ค. 2562 แต่ศาลเห็นว่ามี “ข้อพิรุธที่น่าสงสัยหลายประการ” และไม่มีน้ำหนักเพียงพอว่ามีการโอนหุ้นกันจริง
หมายเหตุ : ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว