วิกฤตทะลุ “ประยุทธ์”

วิกฤตทะลุ 'ประยุทธ์'
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย อิศรินทร์ หนูเมือง

ม็อบเยาวชนที่ยกระดับสู่ประชาชนปลดแอก สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ราษฎรอาวุโส ปัญญาชนสยาม ไปจนถึงผู้ดีรัตนโกสินทร์ ต้องออกมาตามขบวน

จากข้อเรียกร้อง สู่ข้อเสนอ ไต่เพดานจะทะลุฝ้า เพิ่มดีกรีผู้เข้าร่วมขบวนหนาตา ทั้งที่มาต่อแถว และประกาศตัวเป็นแนวหน้า

เสียงขอให้ “หยุดคุกคาม” ดังขึ้น ประสานกับแนวรุก “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” คืบไปข้างหน้า จังหวะการ “ยุบสภา” เริ่มมีการคาดการณ์ จากนักการเมืองทั้งใน-นอกสภาผู้แทนราษฎร

แนวร่วม “ฝ่ายค้านก้าวหน้า” แม้ขัดขา-ขัดใจ เพื่อไทย ไม่ลงรอยกับอดีตแกนนำ “อนาคตใหม่” ที่ยังติดปากเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย กลายเป็น “แนวหลัง” ของขบวนการปฏิรูปทุกสถาบัน…ครั้งใหม่

เมื่อนักศึกษา-ประชาชน เคลื่อนขบวนออกจากมหาวิทยาลัย พุ่งออกไปสู่ความหวัง-ความฝัน แบบไม่หวนกลับ สอดประสานกับ “นักเรียนเลว” ที่ฝันใฝ่ถึง “ระบบใหม่” ขยายผลผลัดกันนัดชุมนุมบิ๊กเบิ้มขึ้นทุกสถานี

Advertisment

ทำให้ฝ่ายทหาร-ความมั่นคง และรัฐบาล กลายเป็นฝ่ายตั้งรับ

คิวการชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ จากเหนือจดใต้ ต่อเนื่องแบบวันเว้นวัน ติดต่อทุกสัปดาห์ สะสมชัยชนะไปสู่การชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 19 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นวันประวัติศาสตร์ “รัฐประหาร” เมื่อ 14 ปีก่อน

ปฏิบัติการจิตวิทยา-ถอนไฟออกจากไฟ จึงมีทุกระดับ ทั้งยุทธวิธีสั่งให้ตำรวจจับ สลับหน้า-ปล่อยตัว แกนนำนักศึกษา คู่ขนานการรับแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเวทีเจรจา-หารือที่เริ่มจากม็อบฝ่ายขวา ขยับไปหาฝ่ายซ้าย

แม้สัญญาณตอบรับจะขาดหาย-ไม่ชัดเจน จากฝ่ายต่อต้าน แต่รัฐบาลจับมือทหาร-ตำรวจ เดินเกมแบบ “ในรุกมีถอย ในถอยมีรุก”

Advertisment

ทางหนึ่งเหมือนรับลูก ว่าหยุดคุกคาม ด้วยเกมจับแล้วปล่อย แต่อีกทางก็เดินหน้าเกาะติดแกนนำ หลากรูปแบบ ทั้งเฝ้ามองแบบเห็นตัวเป็น ๆ และซุ่มติดตามในโลกโซเชียล พร้อมออกหมายเรียก-หมายจับ ตั้งข้อหาตามสูตร “ยุยง-ปลุกปั่น-บุกรุก” และเอ็กซ์ตร้าครอบจักรวาล ด้วยความผิดตาม “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน”

แม้เหมือนจะเปิดทางว่า “รับร่าง” แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่แฝงไปด้วยสารพัด “แท็กติก” ยืดยื้อซื้อเวลา ทั้งวาระรายมาตรา และแก้ทั้งฉบับ เปิดข้อต่อรอง ทั้งในฝ่ายรัฐบาลกันเอง แถมมีเกมการเมืองของฝ่ายค้านในฝ่ายค้าน

ยังไม่ต้องพูดถึง “ความฝัน” ของนักศึกษาที่ถูกสกัดด้วยเกมเครือข่ายพันธมิตรนอกสภา ในนามของแนวร่วมในร่างใหม่ “ไทยภักดี”

ช่วยประคองให้เกมยุบสภานั้นยังอีกไกล แสนไกล เกินจะฝันใฝ่

วิกฤตซ้อนวิกฤตรอบใหม่ ไม่มีเพียงปัญหาสารพัดม็อบการเมือง ยังเกี่ยวเนื่องปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจที่ลากมาจากมวลมหาวิกฤตของการระบาดของ “โควิด-19”

เป็นปฐมเหตุให้เกิดการสับเปลี่ยนกำลัง โละทั้งทีมเศรษฐกิจเก่า แล้วเอาทีมเศรษฐกิจใหม่เข้าประจำการ กดปุ่มตั้งศูนย์บัญชาการลับเฉพาะจาก “ทีมตึกไทยคู่ฟ้า” เท่านั้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คุมเกมด้วยตัวเอง ทั้งบริหารกระแสการเมือง และกระแสเงินสดทุกบัญชีของรัฐบาล

ปมปัญหาเรือดำน้ำถูกขยับออกจากปากเหยี่ยวแร้งกา ด้วยปัญญาของ “กุนซือ” ในตึกไทยคู่ฟ้า ถอดชนวนระเบิดเวลาออกไป 1 ปี

เช่นเดียวกับเรื่องตำตาประชาชนที่ทำลายระบบคุณธรรมในกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ่หลวง ด้วย “คดีบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ต้องพึ่งบริการของเนติบริกรขั้น “พญาอินทรี” อย่างวิษณุ เครืองาม สนธิกำลังกับนักกฎหมายขั้น “พญาเหยี่ยวชรา” กลับมาพลิกตำรา โดย “วิชา มหาคุณ” ร่วมทีมคลี่คลาย ทำให้เกิด “ข้อมูลใหม่” วนไปตั้งต้นอีกรอบ

เมื่อทุกแนวต้านต้องการ “ปฏิรูปทุกสถาบัน” มือข้างหนึ่งชู 3 นิ้ว คู่ขนานกำมีดจี้คอหอย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แกนกลางของปัญหา จินตนาการ “ฉากจบ” จึงเข้ามาประชิด ใกล้ยิ่งกว่าใกล้

…นับถอยหลัง