คอลัมน์ สามัญสำนึก โดย อิศรินทร์ หนูเมือง
ม็อบเยาวชนที่ยกระดับสู่ประชาชนปลดแอก สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ราษฎรอาวุโส ปัญญาชนสยาม ไปจนถึงผู้ดีรัตนโกสินทร์ ต้องออกมาตามขบวน
จากข้อเรียกร้อง สู่ข้อเสนอ ไต่เพดานจะทะลุฝ้า เพิ่มดีกรีผู้เข้าร่วมขบวนหนาตา ทั้งที่มาต่อแถว และประกาศตัวเป็นแนวหน้า
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
เสียงขอให้ “หยุดคุกคาม” ดังขึ้น ประสานกับแนวรุก “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” คืบไปข้างหน้า จังหวะการ “ยุบสภา” เริ่มมีการคาดการณ์ จากนักการเมืองทั้งใน-นอกสภาผู้แทนราษฎร
แนวร่วม “ฝ่ายค้านก้าวหน้า” แม้ขัดขา-ขัดใจ เพื่อไทย ไม่ลงรอยกับอดีตแกนนำ “อนาคตใหม่” ที่ยังติดปากเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย กลายเป็น “แนวหลัง” ของขบวนการปฏิรูปทุกสถาบัน…ครั้งใหม่
เมื่อนักศึกษา-ประชาชน เคลื่อนขบวนออกจากมหาวิทยาลัย พุ่งออกไปสู่ความหวัง-ความฝัน แบบไม่หวนกลับ สอดประสานกับ “นักเรียนเลว” ที่ฝันใฝ่ถึง “ระบบใหม่” ขยายผลผลัดกันนัดชุมนุมบิ๊กเบิ้มขึ้นทุกสถานี
ทำให้ฝ่ายทหาร-ความมั่นคง และรัฐบาล กลายเป็นฝ่ายตั้งรับ
คิวการชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ จากเหนือจดใต้ ต่อเนื่องแบบวันเว้นวัน ติดต่อทุกสัปดาห์ สะสมชัยชนะไปสู่การชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 19 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นวันประวัติศาสตร์ “รัฐประหาร” เมื่อ 14 ปีก่อน
ปฏิบัติการจิตวิทยา-ถอนไฟออกจากไฟ จึงมีทุกระดับ ทั้งยุทธวิธีสั่งให้ตำรวจจับ สลับหน้า-ปล่อยตัว แกนนำนักศึกษา คู่ขนานการรับแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเวทีเจรจา-หารือที่เริ่มจากม็อบฝ่ายขวา ขยับไปหาฝ่ายซ้าย
แม้สัญญาณตอบรับจะขาดหาย-ไม่ชัดเจน จากฝ่ายต่อต้าน แต่รัฐบาลจับมือทหาร-ตำรวจ เดินเกมแบบ “ในรุกมีถอย ในถอยมีรุก”
ทางหนึ่งเหมือนรับลูก ว่าหยุดคุกคาม ด้วยเกมจับแล้วปล่อย แต่อีกทางก็เดินหน้าเกาะติดแกนนำ หลากรูปแบบ ทั้งเฝ้ามองแบบเห็นตัวเป็น ๆ และซุ่มติดตามในโลกโซเชียล พร้อมออกหมายเรียก-หมายจับ ตั้งข้อหาตามสูตร “ยุยง-ปลุกปั่น-บุกรุก” และเอ็กซ์ตร้าครอบจักรวาล ด้วยความผิดตาม “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน”
แม้เหมือนจะเปิดทางว่า “รับร่าง” แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่แฝงไปด้วยสารพัด “แท็กติก” ยืดยื้อซื้อเวลา ทั้งวาระรายมาตรา และแก้ทั้งฉบับ เปิดข้อต่อรอง ทั้งในฝ่ายรัฐบาลกันเอง แถมมีเกมการเมืองของฝ่ายค้านในฝ่ายค้าน
ยังไม่ต้องพูดถึง “ความฝัน” ของนักศึกษาที่ถูกสกัดด้วยเกมเครือข่ายพันธมิตรนอกสภา ในนามของแนวร่วมในร่างใหม่ “ไทยภักดี”
ช่วยประคองให้เกมยุบสภานั้นยังอีกไกล แสนไกล เกินจะฝันใฝ่
วิกฤตซ้อนวิกฤตรอบใหม่ ไม่มีเพียงปัญหาสารพัดม็อบการเมือง ยังเกี่ยวเนื่องปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจที่ลากมาจากมวลมหาวิกฤตของการระบาดของ “โควิด-19”
เป็นปฐมเหตุให้เกิดการสับเปลี่ยนกำลัง โละทั้งทีมเศรษฐกิจเก่า แล้วเอาทีมเศรษฐกิจใหม่เข้าประจำการ กดปุ่มตั้งศูนย์บัญชาการลับเฉพาะจาก “ทีมตึกไทยคู่ฟ้า” เท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คุมเกมด้วยตัวเอง ทั้งบริหารกระแสการเมือง และกระแสเงินสดทุกบัญชีของรัฐบาล
ปมปัญหาเรือดำน้ำถูกขยับออกจากปากเหยี่ยวแร้งกา ด้วยปัญญาของ “กุนซือ” ในตึกไทยคู่ฟ้า ถอดชนวนระเบิดเวลาออกไป 1 ปี
เช่นเดียวกับเรื่องตำตาประชาชนที่ทำลายระบบคุณธรรมในกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ่หลวง ด้วย “คดีบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ต้องพึ่งบริการของเนติบริกรขั้น “พญาอินทรี” อย่างวิษณุ เครืองาม สนธิกำลังกับนักกฎหมายขั้น “พญาเหยี่ยวชรา” กลับมาพลิกตำรา โดย “วิชา มหาคุณ” ร่วมทีมคลี่คลาย ทำให้เกิด “ข้อมูลใหม่” วนไปตั้งต้นอีกรอบ
เมื่อทุกแนวต้านต้องการ “ปฏิรูปทุกสถาบัน” มือข้างหนึ่งชู 3 นิ้ว คู่ขนานกำมีดจี้คอหอย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แกนกลางของปัญหา จินตนาการ “ฉากจบ” จึงเข้ามาประชิด ใกล้ยิ่งกว่าใกล้
…นับถอยหลัง