คาราบาวกรุ๊ป ผนึก มติชน ส่งมอบหนังสือ 100 โรงเรียนทั่วประเทศ

นอกจากจะดำเนินธุรกิจผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยังมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างรากฐานคุณค่าชีวิตที่ดีสู่สังคม ภายใต้ปรัชญา “สร้างคุณค่าชีวิต” ซึ่งดำเนินผ่านโครงการเพื่อสังคมหลายมิติ

โดยล่าสุดร่วมมือกับ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ในโครงการส่งมอบความรู้ สู่สังคมไทย ปีที่ 2 ด้วยการส่งมอบหนังสือให้กับโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการศึกษา และบางส่วนอยู่ในพื้นที่ท้องถิ่นทุรกันดารจำนวน 100 แห่งทั่วประเทศ อันเป็นการส่งเสริมการอ่านของเด็กไทย และให้เด็ก ๆ ด้อยโอกาสเข้าถึงหนังสือดี มีคุณภาพ

“กมลดิษฐ สมุทรโคจร” รองกรรมการผู้จัดการสายงานผลิต บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการให้ฟังว่า ในปี 2565 คาราบาวกรุ๊ปจะมีอายุครบรอบ 20 ปี ตลอดเวลาผ่านมาเรายึดมั่นเจตนารมณ์ในการสร้างคุณค่าชีวิตให้กับทุกคนในสังคม ตั้งแต่วันแรกที่เราดำเนินธุรกิจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจของเราเป็นธุรกิจเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสำหรับคนทำงาน ทั้งยังเป็นส่วนช่วยเสริม และเพิ่มพลังกายให้ผู้บริโภคมีความพร้อมที่จะออกไปต่อสู้ในการทำงาน

“และด้วยพันธกิจสร้างคุณค่าชีวิต เราจึงสนับสนุนการสร้างรากฐานชีวิตให้กับสังคมหลาย ๆ มิติ อย่างเช่น โครงการส่งมอบหนังสือให้กับโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 100 แห่งในครั้งนี้ นับเป็นปีที่ 2 แล้ว ที่เราร่วมมือกับมติชน ในการคัดเลือกหนังสือดี ๆ ไปเติมในห้องสมุดของโรงเรียน

ถามว่าทำไมคาราบาวกรุ๊ปถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะปีที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนในสังคมต้องห่างกัน เราจึงอยากสร้างคุณค่าให้กับคนในสังคม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เพราะหากพวกเขาอ่านหนังสือที่มีคุณภาพก็จะทำให้เขานำไปต่อยอดจินตนาการความคิดได้อีก”

“หนังสือที่คาราบาวกรุ๊ปกับมติชนคัดเลือก จะเป็นหนังสือที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี การดูแลตนเอง เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้นำความรู้จากการอ่านไปพัฒนาตนเอง และอีกหลาย ๆ หมวดสาระ การส่งมอบหนังสือเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการอ่านของเด็ก ๆ แต่ยังมีเด็กอีกจำนวนมหาศาลที่ควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงหนังสือดี ๆ”

“ยิ่งเฉพาะตอนนี้ การเข้ามาของโซเชียลมีเดียอาจทำให้การอ่านของเด็กน้อยลง เราจึงพยายามผลักดันเรื่องนี้ เพราะผมมองว่าหนังสือเล่มยังมีความจำเป็นอยู่ เพราะช่วยทำให้คนละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์ได้ และระหว่างที่อ่านทำให้เรามีเวลาคิด เกิดจินตนาการภาพและเสียงตามมา แบบนี้จะทำให้เกิดปัญญา อีกทั้งภาษาของหนังสือเล่มยังมีความสละสลวยมากกว่า เพราะกลั่นกรองมาอย่างดีแล้วกว่าจะตีพิมพ์เป็นเล่ม”

“กมลดิษฐ” กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากโครงการหนังสือแล้ว คาราบาวกรุ๊ปยังมีโครงการเพื่อสังคมอีกหลายด้านที่เคยทำมา โดยก่อนหน้านี้เราทำโครงการเกี่ยวกับฟุตบอล (Carabao Football Platform) เช่น โครงการ Carabao-Chelsea Coach the Coaches ด้วยการนำโค้ชผู้ฝึกสอนจากสโมสรเชลซี ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรามาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ฝึกสอนไทย เพื่อผู้ฝึกสอนไทยจะได้นำหลักการไปสอนเด็ก ๆ ต่อได้อีกหลาย ๆ คน ทั้งนั้นเพื่อหวังยกระดับวงการกีฬาฟุตบอล และพยายามสนับสนุนให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับกีฬาและการออกกำลังกายมากขึ้น

“อีกทั้งยังมีมูลนิธิคาราบาว โดย คุณแอ๊ด-ยืนยง โอภากุล เป็นประธานกรรมการมูลนิธิฯ ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางส่งมอบความช่วยเหลือให้คนในสังคม ซึ่งนับตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิคาราบาวมา 24 ปี ในปี 2540 ได้ให้ความช่วยเหลือสังคมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงการโอบอุ้มศิลปินที่ประสบปัญหาในการดำเนินชีวิต และต้องการความช่วยเหลือ โครงการนี้เริ่มจากคุณแอ๊ดมีความตั้งใจอยากช่วยเหลือเพื่อน ๆ ญาติ ๆ ที่เป็นศิลปินของเขาเอง จนขยายสู่เพื่อนศิลปินท่านอื่น ๆ”

“นอกจากนี้ มูลนิธิยังมีโครงการดนตรีสร้างคุณค่าชีวิต ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนที่สนใจดนตรีเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียน และเล่นดนตรีให้อยู่ในระดับที่ได้มาตรฐานมากขึ้น โดยมีกลุ่มศิลปินคาราบาว และศิลปินมืออาชีพหลาย ๆ คนเป็นผู้ฝึกสอน นอกนั้นก็มีโครงการตำบลของหนู โดยให้เด็ก ๆ เขียนเรียงความเข้ามาประกวดโปรโมตชุมชนของตนเองว่ามีความโดดเด่นอย่างไรบ้าง ถ้าใครเขียนได้ดี คุณแอ๊ด และทางคาราบาวกรุ๊ปจะไปมอบรางวัลให้ด้วยตัวเอง เพื่อให้กำลังใจเด็ก ๆ เหล่านั้น”

“แต่กระนั้น ในช่วงปีที่ผ่านมาเราประสบปัญหากับโควิด-19 จึงทำให้ภารกิจส่วนใหญ่ของคาราบาวกรุ๊ปจึงมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้งชุด PPE, หน้ากาก, วัคซีน และคาดว่าปีนี้จะยังคงมุ่งเน้นไปที่ด้านนี้อย่างต่อเนื่อง”

“สุดารัตน์ วันเพ็ญ” รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดและโฆษณา บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการส่งมอบความรู้ สู่สังคมไทยว่า คาราบาวกรุ๊ปร่วมกับเครือมติชน จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เป็นโครงการที่ดีอย่างมาก เพราะคาราบาวกรุ๊ปเล็งเห็นถึงความสำคัญของการอ่าน

โดยการมอบหนังสือครั้งนี้ประกอบด้วยหนังสือที่มีเนื้อหาสาระหลากหลาย อาทิ ประวัติศาสตร์, ศิลปวัฒนธรรม, สารคดี, วิทยาศาสตร์, สุขภาพ, จิตวิทยา, การพัฒนาตนเอง, วรรณกรรมแปล, วรรณกรรมเยาวชน ฯลฯ อันสอดคล้องกับการเรียนรู้ของเยาวชนในวัยมัธยมศึกษาทั่วประเทศ ทั้งยังเป็นการสร้างสังคมแห่งการอ่านที่ยั่งยืนแก่เยาวชนไทย

“เครือมติชนมีสำนักพิมพ์มติชน ซึ่งผลิตหนังสือหลากหลายหมวด ครอบคลุมทุกความสนใจของผู้อ่าน เพราะฉะนั้น เครือมติชนจึงให้ความสำคัญกับการส่งมอบความรู้ผ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง ด้วยเชื่อมั่นว่าความรู้จะช่วยเสริมสร้างปัญญาและสร้างความแข็งแกร่งในการใช้ชีวิต”

“ที่ผ่านมาเครือมติชนร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ มอบหนังสือแก่โรงเรียนที่ขาดแคลนหลายแห่งทั่วประเทศ ดังนั้น เครือมติชนจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับคาราบาวกรุ๊ป ในการสนับสนุนการมอบหนังสือในโครงการส่งมอบความรู้สู่สังคมไทย แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการศึกษา เพื่อจะได้มีหนังสือเพิ่มเติมความรู้”

สำหรับโรงเรียน 100 แห่งทั่วประเทศ จะได้รับหนังสือเล่ม หมวดนานาสาระจำนวน 5,100 เล่ม รวมเป็นมูลค่าเกือบ 2,000,000 บาท ทั้งนี้ หนังสือที่ส่งมอบให้นักเรียน คณะกรรมการคัดเลือกหนังสือได้คัดสรรจากหนังสือที่ติดอันดับขายดี หรือหนังสือที่ได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น วังต้องห้าม, บันทึกประเทศไทยปี 2564, COVID-19, จารชนสามก๊ก ฯลฯ ทั้งนี้ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จะดำเนินการจัดส่งหนังสือดังกล่าวถึงมือโรงเรียนทุกแห่ง

“ณัฐพงศ์ เงินนาค” คุณครูโรงเรียนชุมชนวัดไทรม้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า การได้รับหนังสือใหม่ ๆ จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนของเราอย่างมาก เนื่องจากเราเป็นโรงเรียนขยายโอกาส เด็กบางคนไม่ได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือดี ๆ เช่น บางคนอาศัยแคมป์ก่อสร้างกับผู้ปกครอง

ซึ่งที่ผ่านมาเรามีนโยบายส่งเสริมการอ่านเด็กทุกระดับชั้น ทุกรูปแบบ ทั้งการประกวดการอ่าน การสนับสนุนให้เด็กอ่านหนังสือสัปดาห์ละ 1 เล่ม รวมถึงมีการจัดบรรยากาศห้องสมุดให้เด็กอยากเข้าไปอ่าน มีการทำห้องสมุดเคลื่อนที่ในโรงเรียน มีกระเช้าหนังสือให้รุ่นพี่เดินไปแจกรุ่นน้อง

“จากการสังเกตพบว่าเด็กส่วนใหญ่ชอบอ่านหนังสือแนวผ่อนคลาย เช่น การ์ตูน หรือถ้าเป็นเด็กมัธยมจะชอบอ่านนิยาย พูดง่าย ๆ ว่าก็เป็นหนังสือที่เขาอ่านแล้วสามารถย่อยความคิดได้ง่าย ซึ่งหนังสือประเภทนี้จะเป็นหนังสือที่โรงเรียนส่วนใหญ่ต้องการมาก”

“รุ่งนภา วิวาสุข” คุณครูโรงเรียนศีลาจารพิพัฒน์ กรุงเทพฯ กล่าวว่า โรงเรียนมีนโยบายส่งเสริมการอ่านหลากหลายรูปแบบ เช่น ให้นักเรียนบันทึกการอ่านทุกครั้ง มีการจัดยุวบรรณารักษ์น้อย ให้นักเรียนอ่านหนังสือแล้วนำไปเสนอต่อหน้าเสาธง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการอ่านสำหรับนักเรียนคนอื่น ๆ ต่อไป

นอกจากนั้น เรายังทำห้องสมุดเคลื่อนที่เพื่อให้เข้าถึงเด็ก ๆ มากขึ้น ทั้งยังมีการติดโปสเตอร์ความรู้ตามทางเดินโรงเรียน เพราะคิดว่าการอ่านไม่ควรจำกัดแค่ในห้องสมุด และทุกวันศุกร์ ห้องสมุดเคลื่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่ชุมชนที่อยู่รอบ ๆ โรงเรียนของเรา เพื่อส่งเสริมการอ่านให้กับคนในชุมชน โดยจะมีการบันทึกสถิติการหยิบยืมหนังสืออ่านทุกครั้ง

“แน่นอนว่าหนังสือที่เราได้รับครั้งนี้จะเข้าถึงชุมชนด้วย ทั้งนี้ ภาพที่เห็นเด็ก ๆ หรือคนในชุมชนหยิบจับหนังสือถือเป็นเรื่องประทับใจมาก แม้ว่าจะเป็นจำนวนไม่มาก แต่อย่างน้อยเราก็ได้ส่งเสริมให้คนเข้าถึงหนังสือดี ๆ

เชื่อว่าอนาคตจะได้เห็นภาพแบบนี้มากขึ้น หนังสือที่หลาย ๆ โรงเรียนต้องการ ส่วนมากจะเป็นประเภทการ์ตูน นิยาย ที่อ่านง่าย ๆ หนังสือเตรียมสอบ หนังสือที่เหมาะกับยุคสมัย เด็ก ๆ จะให้ความสนใจมาก แต่ทั้งนั้นการที่จะให้เด็กหันมาสนใจอ่านหนังสือ บรรยากาศในห้องสมุดต้องดีด้วย รวมถึงมีการจัดหมวดหมู่หนังสือให้มีความเป็นระบบระเบียบมากขึ้น”

“ธนานันท์ โฉมอุดม” คุณครูโรงเรียนศรีดรุณ กรุงเทพฯ กล่าวว่า การได้รับหนังสือใหม่ ๆ จะช่วยให้เด็กมีความรู้หลากหลายมากขึ้น ถึงแม้ว่าเด็กจะใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก แต่สุดท้ายแล้วความรู้จากหนังสือเล่มยังมีคุณค่า แต่ไม่ได้หมายความว่า ออนไลน์ไม่ดี

“แต่อย่างน้อยการได้สัมผัสหนังสือเล่ม จะทำให้เราสัมผัส ขีดเขียน ได้คิดและจินตนาการดีมากกว่า ทั้งยังได้รับคำที่สละสลวยมากกว่า คาดว่าหนังสือที่ได้รับครั้งนี้จะเป็นประโยชน์มาก เพราะหลาย ๆ เล่มเป็นหนังสือที่เด็ก ๆ ควรอ่านอย่างยิ่ง เช่น เรื่องประวัติศาสตร์ เด็กจะได้เข้าใจถึงเรื่องราวความเป็นมาของไทยมากขึ้น”