ไชยา เผยปัญหาหนี้เป็นปัญหาที่เกษตรกรต้องเผชิญ กระทรวงเกษตรเดินหน้านโยบายแรกพักหนี้ 3 ปี แก้ปัญหาหนี้ให้เกษตรกรยืนได้ด้วยตัวเอง พร้อม คลิกออฟ ส่งโค-วัว ไปเวียดนามและจีน เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้กับผู้เลี้ยง
วันที่ 24 มกราคม 2567 นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในงานสัมนา Thai land 2024 : THE GREAT CHALLENGES เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ในหัวข้อ ลดรายจ่าย : มิติใหม่ ปราบผู้มีอิทธิพล แก้หนี้ แก้จน ปลดหนี้เกษตรกร ได้จริง ? ซึ่งจัดโดย หนังสือพิมพ์มติชน ว่า ปัญหาหนี้เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเผชิญ โดยเฉพาะเกษตรกร ชาวบ้าน ทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องร่วมมือกันแก้ไข
- เปิด 20 อันดับมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นด้านวิศวกรรมศาสตร์
- กรุงไทย ปิดระบบ-แอป Next 11-12 และ 14 พ.ค. นี้ เช็กรายละเอียด
- เปิดทรัพย์สิน-งบการเงิน “มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล” ย้อนหลัง 5 ปี
และการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรสิ่งแรกที่ได้ทำ คือ การเดินหน้านโยบายพักหนี้ให้กับเกษตรกร ที่เป็นการให้โอกาสกับผู้ด้อยโอกาสให้มรที่ยืนในสังคม
ซึ่งคนส่วนใหญ่ในประเทศเป็นเกษตรกรรม ตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าจนถึงปัจจุบัน โดยยังมีวิถีชีวิตที่ลำบาก เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเดินหน้าช่วยเหลือ จึงเกิดนโยบายพักหนี้ขึ้น เพื่อเริ่มต้นให้เกษตรกรสามารถยืนด้วยตนเอง ในภาวะก่อนหน้านี้ที่เจอเศรษฐกิจย่ำแย่ ปัญหาโควิด รวมไปถึงเอสเอ็มอี ต่างประสบปัญหาเช่นกัน
“รัฐบาลมอบโอกาสในการปลดหนี้ พักต้น พักดอก 3 ปี ให้เกษตรกรสามารถยืนได้”
โดยต้องยอมรับว่ากระทรวงเกษตรฯอยู่ในวิถีชีวิตของเกษตรกร รับเรื่องร้องเรียนทุกสาขาอาชีพ ดังนั้น เพื่อตัดวงจรปัญหา การพักหนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง การแก้ไขปัญหาเรื่องของต้นทุนทางการเกษตร และล่าสุดการปราบสินค้าผิดกฎหมาย หมูเถื่อน วัวเถื่อน เพื่อเป็นการตัดวงจรที่ซ้ำเติมความเป็นอยู่ของเกษตรกร ที่สินค้าเถื่อนเข้ามาทุ่มตลาด สินค้าในประเทศขายไม่ได้ ราคาตกต่ำ เป็นสิ่งที่จะต้องเร่งมือในการแก้ไข และพร้อมที่จะขับเคลื่อน
นอกจากนี้ ผมอยากเห็นบทบาทเพิ่มเติมของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ที่เข้ามาสนับสนุนในการสร้างโอกาส สร้างรายได้ ให้ความรู้กับเกษตรกรด้วย เพื่อยกระดับเกษตรกรภายในประเทศ และจับมือกันในการแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกร รวมไปถึงการลดต้นทุนการเลี้ยง ลดต้นทุนการเกษตรให้กับเกษตรกรไทย
“ผมยืนยันว่า การทำงานทั้งหมดจะไม่มีมวยล้มต้มคนดู ซึ่งกระทรวงเกษตรฯพร้อมทำงานเต็มที่ โดยเฉพาะการจัดการหมูเถื่อน เพื่อไม่ให้ขบวนการนี้ไปทำลายเกษตรกรรายย่อยเพราะรายใหญ่ต้องยอมรับว่าดำเนินและดูแลตัวเองได้”
ส่งออกโค-วัวมีชีวิตทางเรือครั้งแรก
นายไชยากล่าวว่า วันนี้เราก็กำลังเปิดตลาดสินค้าส่งออกและกำลังจะคลิกออฟ ส่งสิ่งมีชีวิตไปต่างประเทศ เดิมส่งออกทางรถยนต์ตามชายแดน แต่มีเป้าหมายจะส่งออกสัตว์มีชีวิตทางเรือครั้งแรกในประเทศ ทั้งนี้ จากปัญหาราคาโค-วัวในประเทศ ตกต่ำ เพราะการบริโภคเพียงพอ ผลผลิตล้นตลาดไม่สามารถส่งออกไปได้ เพราะถูกปฏิเสธและถูกกีดกันจากประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะตลาดจีนเวียดนาม และตะวันออกกลาง
ซึ่งล่าสุดนายกได้ไปเจรจาตลาดจีน เพื่อผลักดันโค-วัวไทยไปตลาดจีน แต่ยังติดปัญหาเรื่องโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยเยอะ ซึ่งทำให้การส่งออกเราต้องไปใช้ช่องทาง สปป.ลาว และต้องกักโรคประมาณ 75 วัน ถึงจะสามารถส่งออกไปจีนได้ เพราะดูเรื่องโรค และสานเร่งเนื้อแดงสิ่งเหล่านี้จึงต้องใช้เวลา แต่เป้าหมาย คือ เราต้องการส่งตรงไปถึงจีน เพราะมีคำสั่งซื้อแต่ ต้องได้รับการรับรองจากผู้นำเข้าของจีนด้วย
ตอนนี้เรากำลังสำรวจพื้นที่ใน 2 จังหวัด คือ เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ รวมไปถึงท่าเรือบางสะพาน ซึ่งมีศักยภาพในการส่งออกและขนส่งสินค้าได้ เหตุที่ไม่ใช้ท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพ เพราะเป็นท่าเรือภาคอุตสาหกรรม หากเป็นสินค้าปศุสัตว์ จะมีสิ่งสกปรกปลอมปน เราจึงเลือก 2 จังหวัดนี้ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงโค-วัวเป็นจำนวนมากและพร้อมที่จะทำเป็นศูนย์กลางในการส่งออกสินค้ามีชีวิตปลอดภัยไปจีน
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะทำตลาดสินค้าแปรรูปส่งออกไปต่างประเทศ ได้สำรวจว่าจังหวัดชุมพร มีโรงเชือดที่ได้มาตรฐานฮาลาล แต่ยังติดเรื่องของขีดความสามารถ มีการเชือดซึ่งสามารถเชือดได้ 200 ตัวต่อวัน อีกทั้ง ยังขาดเรื่องของเงินทุนหมุนเวียนในการเพิ่มขีดความสามารถ ดังนั้น ต้องการรัฐบาลมาสนับสนุนให้กิจการเหล่านี้มีการเติบโต โดยแปรรูปเป็นสินค้าพรีเมี่ยม และนี่จึงเป็นเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้ผู้ประกอบการ ผู้เลี้ยงเกษตรกรรายย่อย หากสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้
ขณะนี้ เราได้คำสั่งซื้อส่งออกสิ่งมีชีวิตไปเวียดนาม 200 ตัว สำหรับโค หากผลักดันการส่งออกไปได้ กลไกในประเทศจะมีการขยับ และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในประเทศ อย่างเร็วสุดจะคลิกออฟได้เดือนมีนาคม 2567 นี้ ด้วยเหตุติดเรื่องของการกักโรค 28 วัน นี้เป็นการผลักดันงาน สำหรับ 4 เดือนที่ผม เข้ามาดูแลกรมปศุสัตว์
สโลแกน ฐานะรัฐมนตรี
อยากเห็นชีวิตของเกษตรกรซึ่งเป็นอาชีพที่ด้อยโอกาสในสังคม และในวันนี้ในฐานะรัฐมนตรี ผมอยากจะเห็นว่ายุคนี้เป็นยุคเกษตรยุคใหม่ เกษตรที่มีคุณภาพ และเป็นอาชีพเกษตรกรรมสามารถสร้างรายได้ และหลักประกันให้สังคม ต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ซึ่งเป็นเป้าหมายของผม