ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มบริษัทโกลว์ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2561 รายได้รวม 53,913 ล้านบาท ส่วน EBITDA (ไม่รวมรายการปรับปรุงบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน) จำนวน 17,391 ล้านบาท กำไรสุทธิ จำนวน 8,379 ล้านบาท และ Normalized Net Profit (NNP)[1] จำนวน 8,147 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA และ NNP สำหรับปี 2561 ลดลงร้อยละ 3.7 และ 6.5 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2560
อย่างไรก็ตามผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สี่ของปี 2561 มีรายได้รวม 13,607 ล้านบาท EBITDA (ไม่รวมรายการปรับปรุงบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน) จำนวน 4,067 ล้านบาท กำไรสุทธิ จำนวน 1,855 ล้านบาท และ Normalized Net Profit (NNP)1 จำนวน 1,590 ล้านบาท
โดยนายเบรนดอน วอเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ กล่าวว่า Normalized Net Profit สำหรับปี 2561 มีจำนวน 8.1 พันล้านบาท ซึ่งถ้าไม่รวมการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับภาษีเงินได้ Normalized Net Profit สำหรับปี 2561 จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2560 ที่ 8.7 พันล้านบาท โดยในปี 2561 นี้ เป็นอีกปีที่บริษัทได้มีการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงานได้ตามแผนการพัฒนาที่ได้กำหนดไว้ โดยบริษัทสามารถรักษาระดับความพร้อมจ่ายและระดับความเชื่อมั่นให้อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้า 5.2 เทราวัตต์ชั่วโมง และไอน้ำ 8,009 พันตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทประกอบกิจการมา
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- เริ่มจ่ายพรุ่งนี้ 1 พ.ค. ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ-เงินบำนาญขั้นต่ำ 11,000 บาท
นอกจากนี้ ปี 2561 นี้ยังเป็นปีสุดท้ายของโครงการควบคุมค่าใช้จ่าย “SmartSave” โดยพนักงานของเราได้ร่วมกันเสนอแนวทางต่างๆ ในการควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้มากกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่บริษัทได้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเมื่อต้นปี 2559 ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้เรามีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในปี 2561