ส่องพอร์ต ธุรกิจพีทีจี อนาคตสถานีบริการน้ำมัน PT

ในปี 2564 บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG วางงบประมาณลงทุนประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลงทุนธุรกิจน้ำมัน 3,500 ล้านบาท และธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือ “non-oil” 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG เปิดเผยว่า ปี 2564 บริษัทยังตั้งเป้าการจำหน่ายน้ำมันจะขยายตัว 8-12% จากปีก่อนที่ 4,959 ล้านบาท โดยจะขยายสถานีบริการน้ำมัน 2,030 สาขา

โดยล่าสุดปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน ไตรมาส 1/64 สามารถทำได้ตามเป้าหมายแล้ว เพราะมีปริมาณจำหน่ายสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเฉลี่ยกว่า 500 ล้านลิตรจากความต้องการเริ่มฟื้นตัว

ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG คาดจะขยายตัว 15-20% หรือคิดเป็น 97,000 ตัน จากปีก่อนที่ 87,000 ตัน โดยปีนี้จะเพิ่มจำนวนสาขา Gas Shop อีก 50 สาขา และสถานีบริการแก๊ส 50 สาขา ทำให้มีสถานีบริการแก๊ส LPG 260 สาขา พร้อมทั้งโรงบรรจุแก๊สด้วยอีก 3 โรง และอีก 5 ปีข้างหน้า มีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดแก๊ส 16-17% เพื่อขยับขึ้นจากอันดับ 4 มาเป็นอันดับ 3 ของตลาด มีปริมาณขายเพิ่มเป็น 184,000 ตัน

Advertisment

พร้อมกันนี้จะขยายศูนย์บริการรวม (touchpoint) ในธุรกิจน็อนออยล์ เช่น ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ ร้านสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ท และศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ออโต้แบคส์ และอื่น ๆ รวมเป็น 870 สาขา และเพิ่มฐานสมาชิกบัตร PT Max Card ในปีนี้เป็น 18 ล้านสมาชิกจากปีก่อน 14.8 ล้านสมาชิก

“ร้านกาแฟพันธุ์ไทยวางเป้าหมายภายในปี 2568 หรืออีก 5 ปีจะมีสาขาเพิ่มเป็น 2,000 สาขาจากปัจจุบันที่มี 274 สาขา ซึ่งจะทำให้บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ขยับจากอันดับ 3 เป็นอันดับ 2 จากปัจจุบันอยู่อันดับ 3 โดยเน้นเพิ่มสัดส่วนการขยายสาขาผ่านแฟรนไชส์ 70% ซึ่งต่อไปจะขยายออกนอกสถานีบริการ ทั้งโรงพยาบาล สนามบิน ออฟฟิศ มหาวิทยาลัย และห้างสรรพสินค้า ทั้งยังมองโอกาสการขยายสาขาไปในต่างประเทศ เช่น อาเซียน CLMV และจีน”

โดยบริษัทมีแผนร่วมกับพันธมิตรพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากส่วนผสมของสารสกัดกัญชงมาผสมกับกาแฟ ชา เป็นต้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 3 ปีนี้

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า จากกระแสขณะนี้กำลังเข้าสู่การใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ทางพีทีจีมองถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้มีทั้งการเตรียมหารือกับพันธมิตรในการตั้งโรงไฟฟ้าขยะ โซลาร์รูฟท็อป โซลาร์ฟาร์ม และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

Advertisment

“ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร เพื่อลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าขนาด 6 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้ และมีแผนเข้าร่วมยื่นเสนองานโครงการโซลาร์ฟาร์มกองทัพบก 30 เมกะวัตต์ มูลค่ารวม 600 ล้านบาทจากในเฟสแรก 300 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนเดือนเมษายน 2564”

นอกจากนี้ยังได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโซลาร์รูฟท็อป การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น การร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดให้บริการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในเร็ว ๆ นี้ และยังมีแผนขยายโครงการ Palm Complex เพื่อต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมด้านความงาม ทางพีทีจีเตรียมจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่รวม 4 รายการ ระหว่างปี 2564-2565 นี้