เก็งหุ้นไทยโค้งท้ายปีฟื้นตัว ปัจจัยลบคลี่คลาย-LTFหนุน

กูรูส่องตลาดหุ้นไทยปลายปีแนวโน้มฟื้นตัว หลังที่ผ่านมาปรับลดลงไปมากแล้ว ลุ้นเฟดคงดอกเบี้ยลดแรงกดดัน กนง. หนุนหุ้นแบงก์ไทย หวังแรงซื้อ “LTF” หนุนตลาด-ปัจจัยลบต่างประเทศคลี่คลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (2 ม.ค.-25 ต.ค. 62) ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาได้แค่ 1.74% จาก 2 ม.ค.ปิดตลาดที่ 1,565.94 จุด และเมื่อ 25 ต.ค.ปิดที่ 1,593.28 จุด โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1,740.91 จุด เมื่อ 1 ก.ค.และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,560.03 จุด เมื่อ 3 ม.ค. ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสูงสุดอยู่ที่ 204,855.67 ล้านบาท เมื่อ 28 พ.ค. และมูลค่าการซื้อขายต่ำสุดอยู่ที่ 25,349.84 ล้านบาท เมื่อ 5 ก.พ.

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยลงสวนตลาดหุ้นโลกค่อนข้างแรง เนื่องจากตลาดยังไม่ได้ซึมซับหรือตอบรับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่อาจจะมีการลงนามสัญญาบางส่วนกัน ขณะที่ตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลกรับรู้ข่าวกันไปแล้ว ดังนั้นเป็นไปได้ว่าช่วงที่เหลือของปี ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ โดยช่วงวันที่ 16-17 พ.ย. หากมีการทำข้อตกลงการค้าเกิดขึ้น คาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะตอบรับในเชิงบวกได้

นอกจากนี้ เป็นไปได้สูงว่าภายในสัปดาห์นี้ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) จะฟื้น หากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ไม่ลดดอกเบี้ย จะลดแรงกดดันการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ในต้นเดือน พ.ย. ซึ่งจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ตลาดน่าจะมีดาวน์ไซด์จำกัด

นอกจากนี้ เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะมีแรงซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนใหม่ที่จะมาทดแทน LTF คาดว่าใน 2 เดือนนี้จะมีความชัดเจน รวมถึงการซื้อหุ้นใน SET50 ที่ราคาหุ้นหลายตัวค่อนข้างต่ำ

Advertisment

ทั้งนี้ มองกรอบการเคลื่อนไหวปีนี้ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้านคงจะอยู่ที่ 1,670 จุด

“ตลาดหุ้นไทยปรับลงมาเยอะแล้ว 2 เดือนสุดท้าย โทนบวกมีมากกว่า ฉะนั้นต้องเป็นการซื้อคืน เพื่อลุ้นกับปีหน้า”

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีสิ้นปีนี้ดีที่สุดจะอยู่ที่ 1,720 จุด หรือปิดปีที่ระดับ 1,650 จุด ดาวน์ไซด์จำกัด เชื่อว่าระดับ 1,550 จุด เป็นจุดที่ไม่ควรจะหลุด โดยต้องยอมรับว่า ปัจจัยลบต่าง ๆ ยังไม่ปลดล็อก แต่ถ้าผ่านพ้นปัจจัยเหล่านี้ไปได้ ราคาหุ้นน่าจะค่อย ๆ ฟื้นกลับมาได้

ทั้งนี้ ในช่วงสั้น การเจรจาการค้าเริ่มดีขึ้น ขณะที่ Brexit น่าจะเลื่อนออกไป ส่วนปัจจัยในประเทศ ช่วงเดือน พ.ย.ยังวนเวียนกับการรายงานงบฯไตรมาส 3 ซึ่งหุ้นหลาย ๆ ตัวน่าจะออกมาต่ำกว่าคาด จึงอาจจะเห็นตลาดปรับประมาณการลงมาอีก โดยราคาหุ้นในช่วงครึ่งแรกของเดือน พ.ย.น่าจะยังไปไม่ได้ไกล แต่ถ้าพ้นช่วงรายงานงบฯไป ปลายปีตลาดน่าจะค่อย ๆ กลับมาคาดหวังการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4 และแรงซื้อ LTF น่าจะเป็นตัวหนุนใน 2 เดือนสุดท้าย

Advertisment

“การที่สหรัฐจะตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรทางการค้า (GSP) เบื้องต้นคงจะไม่กระทบมากนัก แต่ถ้าเกิดบานปลายอาจจะเหนื่อย ท้ายที่สุดมองว่า กนง.มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ย 1 รอบในช่วงเดือน พ.ย. ดังนั้นท่ามกลางตลาดแย่ ๆ ช่วงสั้น ๆ ครึ่งแรกของเดือน พ.ย. แต่โมเมนตัมอาจจะฟื้นกลับขึ้นมาได้ช่วงประมาณเดือน ธ.ค.”