ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ทรงตัวที่ 32.44 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างวันคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.55 บาท ตลอดสัปดาห์จับตาผลประกอบการบริษัทยักษ์ในสหรัฐ-ประชุม FOMC-ECB-BOJ
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (27 เม.ย.) ที่ระดับ 32.44 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน สำหรับกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ระหว่าง 32.35-32.55 บาทต่อดอลลาร์
- พนักงานถูกไล่ออก เพราะพากันหนีไฟไหม้ ที่มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล
- เปิด 20 อันดับมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นด้านวิศวกรรมศาสตร์
- เงินอุดหนุนนักเรียน 2567 ช่วยค่าชุด-หนังสือเรียน อนุบาล-ปวช. ได้เท่าไร
โดยในสัปดาห์นี้ (27 เม.ย.-1 พ.ค.) จะมีการประกาศผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสหรัฐทั้ง Amazon Facebook Microsoft Apple และ Alphabet ขณะเดียวกัน ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ยุโรป (ECB) และสหรัฐ (FOMC)
ทั้งนี้ เริ่มต้นในวันจันทร์ (27 เม.ย.) คาดว่า BoJ จะ “คง” อัตราเบี้ย (Policy Balance Rate) ที่ระดับ -0.1% โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่จะมีการพิจารณางบประมาณเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือประเทศให้ผ่านวิกฤติโคโรนาไวรัสครั้งนี้ไปด้วย
ต่อด้วยวันพุธ (29 เม.ย.) จะมีการรายงานจีดีพีสหรัฐในไตรมาสแรก คาดว่าจะหดตัวลง 3.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (ปรับเป็นรายปี) และการประชุม FOMC ที่จะประกาศผลในช่วงดึกคาดว่าจะ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25%
ต่อด้วยในช่วงบ่ายวันพฤหัส (30 เม.ย.) จะมีการรายงานจีดีพียุโรปไตรมาสแรกที่คาดว่าจะหดตัวลง 3.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ต่อด้วยการประชุม ECB ซึ่งคาดว่าจะ “คง” อัตราดอกเบี้ย Deposit Facility ที่ระดับ -0.5% เช่นกัน
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าตลาดจะจับตาไปที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ในสหรัฐ (Initial Jobless Claims) ไปพร้อมกันด้วย โดยการสำรวจเบื้องต้น เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 3.5 ล้านราย พร้อมกับมีผู้ที่รับสวัสดิการอยู่ในระบบราว 19 ล้านราย
และวันศุกร์ (1 พ.ค.) จะเริ่มมาตรการ Opening Up America Again โดยรัฐบาลกลางให้อำนาจรัฐต่างๆในการประกาศจบช่วงระยะเวลาการเว้นระยะห่างทางสังคม แต่อยู่ที่ผู้ว่าการแต่ละรัฐจะตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ส่วนของเงินบาท เชื่อว่าสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากทั้งผู้ส่งออกและนำเข้ายังคงทยอยหายไปจากตลาด ทำให้การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่เป็นไปตามทิศทางของตลาดหุ้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าได้ ถ้านโยบายการเงินของสหรัฐผ่อนคลายมากกว่าธนาคารกลางใหญ่อื่นๆ
นอกจากนี้ แนะนำจับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ซึ่ง บล.ไทยพาณิชย์เริ่มมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นทั้งจากภาพการระบาดของไวรัสที่ชะลอตัว นโยบายการเงินที่เริ่มส่งผล สะท้อนจากผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สเปนและอิตาลีที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง ปัจจัยนี้จะทำให้เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ สัปดาห์นี้ กรอบเงินบาทรายสัปดาห์คาดว่าจะเคลื่อนไหวระหว่าง 32.15-32.75 บาทต่อดอลลาร์