หวั่น!ต่างชาติลดน้ำหนัก “พันธบัตรไทย” หลังพันธบัตรจีนเข้าดัชนีบอนด์โลกดูดเงินมหาศาล

“สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย” หวั่นต่างชาติลดน้ำหนัก “พันธบัตรไทย” หลัง “พันธบัตรรัฐบาลจีน” ถูกเพิ่มน้ำหนักในดัชนี Global Bond Index แม้ว่าเม็ดเงินยังล้นโลก

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า กระแสเงินลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทย (Fund flow) แม้ว่าในไตรมาส 3 นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิ 39,444 ล้านบาท ในตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาวอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วง 9 เดือนแรกพบว่ายังเป็นการขายสุทธิรวม 71,299 ล้านบาท โดยเป็นการขาย สุทธิทั้งในตราสารหนี้ระยะยาว (7,260 ล้านบาท) และตราสารหนี้ระยะสั้น (64,039 ล้านบาท) ทำให้ไตรมาส 3 นักลงทุนต่างชาติถือครองตราสารหนี้ไทยรวมอยู่ที่ 848,767 ล้านบาท ลดลง 6% ของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ไทย

“เม็ดเงินที่ล้นโลกโดยปกติแล้วเงินน่าไหลกลับเข้ามาไทย แต่การเพิ่มน้ำหนักในดัชนี Global Bond Index ต่างๆ ของพันธบัตรจีน อาจจะทำให้พันธบัตรไทยถูกปรับน้ำหนักลงบ้าง แต่เรามอนิเตอร์การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราหนี้ ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นเงินไหลเข้าหรือไหลออกแทบจะไม่มีผลกระทบต่อตราสารหนี้ไทย” นายธาดากล่าว

ส่วนเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในไตรมาส 3 ขยับสูงขึ้นเล็กน้อยเกือบทั้งเส้นเมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 2 จากความกังวลของนักลงทุนต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลายลง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ขยับขึ้น 0.3-0.5% ส่วนรุ่นอายุ 5 ปี และอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% และ 0.11% มาอยู่ที่ 0.88% และ 1.39% ตามลำดับ

สำหรับตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงที่เหลือของปี 63 นายธาดากล่าวว่าบริษัทเอกชนยังคงมีความต้องการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อเสริมสภาพคล่อง ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ที่ 0.5% ไปจนกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระดับโลกจะคลี่คลาย และมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนักแม้ว่าจะมีความต้องการระดมทุนของรัฐบาลจำนวนมาก เนื่องจากรัฐบาลจะใช้เครื่องมือการระดมทุนที่หลากหลาย

ทั้งนี้ตลาดตราสารหนี้ไทยช่วง 9 เดือนแรกโดยรวมยังขยายตัวได้ดีที่ 5.09% มีมูลค่าคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 14.2 ล้านล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของพันธบัตรรัฐบาล แม้ว่าตราสารหนี้ภาคเอกชนจะมีมูลค่าคงค้างลดลง เนื่องจากการลดลงของการออกหุ้นกู้ระยะสั้น (DB: Debenture:) ของกลุ่มธนาคาร (Bank sector) จากสภาพคล่องในระบบธนาคารที่เพิ่มมากขึ้น