ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า กังวลโควิดฉุดเศรษฐกิจสหรัฐ

เงินดอลลาร์

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ 16 พฤศจิกายน 2563

ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (16/11) ที่ระดับ 30.15/16 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (13/11) ที่ระดับ 3.17/18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักท่ามกางความวิตกกังวลว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ดอลลาร์ยังถูกกดดันหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมากล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นทั่วสหรัฐนั้น อาจขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เริ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ด้านตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน ต.ค. มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% และมากกว่าเดือนก่อนหน้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือน ต.ค. มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% และมากกว่าเดือน ก.ย. ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4%

ในส่วนของค่าเงินบาทปรับตัวอยู่ในรอบ และยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า จากปัจจัยสนับสนุนเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 และเงินทุนไหลเข้าจากการซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเช้าที่ผ่านมาสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้เปิดเผยจีดีพีไทย ไตรมาส 3/2563 ขยายตัวติดลบ 6.4% ซึ่งติดลบน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ ติดลบ 8.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี

เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ และประเทศเริ่มมีการเปิดประเทศแล้ว ทำให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวได้ดีขึ้น และปรับคาดการณ์ว่าทั้งปีนี้จะติดลบ 6% จากเดิมที่ติดลบ 7.5% นอกจากนั้นได้มีการปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ว่าจะขยายตัวเป็นบวกที่ 3.5-4.5% ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.14-30.21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.21/23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (16/11) ที่ระดับ 1.1840/41 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (13/11) ที่ระดับ 1.829/30 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นในเดือน ธ.ค.

ในขณะที่เศรษฐกิจของยูโรโซนมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 4/2563 ด้านความคืบหน้าประเด็น Brexit ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยว่าผู้แทนทั้งสองฝ่ายจะหารือกันอีกครั้งที่กรุงลอนดอนในวันนี้เนื่องจากยังคงไม่สามารถตกลงกันได้ในบางประเด็นที่สำคัญ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1827-1.1868 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1839/41 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (16/11) ที่ระดับ 104.67/70 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (13/11) ที่ระดับ 105.03/06 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3/2563 ขยายตัว 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาสและทำสถิติขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 40 ปี ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 104.34-104.87 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 104.44/47 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ยอดค้าปลีกสหรัฐ (17/11), การผลิตภาคอุตสาหกรรม (17/11), ยอดขายบ้านมือสองเดือน ต.ค. (18/11), ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (18/11), ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดนิวยอร์ก (19/11), ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของฟิลาเดลเฟีย (19/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ 0.75/1.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่่างประเทศอยู่ที่ -1.0/+1.0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ