ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดหนักตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา หลายธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมากจากกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจที่หายไป แต่ก็มีหลายธุรกิจที่รับมือกับสถานการณ์ได้ดีและพร้อมจะก้าวกระโดดต่อไป
หลังวิกฤตโรคระบาดผ่านพ้น อย่างกรณีของบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “SAWAD” ที่ปีที่ผ่านมา มีการขยับธุรกิจหลายส่วน ทั้งการเข้าไปถือหุ้นใหญ่ใน “บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด” หรือ “SCAP” ที่ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งการผนึกกับพันธมิตรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่าง “บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)”
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- เปิดค่าซ่อม “รถอีวี vs รถใช้น้ำมัน” แพงกว่ากันเท่าไร
- ออมสิน จัดโปรฯเด็ดเงินฝากดอกเบี้ย 21% สลาก 1 ปี แจกทอง 10 กิโล
หรือ “NOBLE” เพื่อร่วมทำธุรกิจด้านบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) หรือการจัดตั้ง “บริษัท ศรีสวัสดิ์ ดิจิตอล จำกัด”เพื่อเตรียมขยายธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (ดิจิทัลพีโลน)และที่เป็นการเขย่าวงการ “สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน” (จำนำทะเบียนรถ) ด้วยการเปิดทางให้ “ธนาคารออมสิน” เข้ามาร่วมทำธุรกิจ ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รับโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “ธิดา แก้วบุตตา” ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ที่ได้มาฉายภาพถึงแนวโน้มและทิศทางธุรกิจของ “SAWAD” ในปี 2564 นี้
ตั้งเป้าโต 20% รับเศรษฐกิจฟื้น
โดย “ธิดา” บอกว่า ปี 2563 ที่ผ่านมากลุ่ม SAWAD มีนโยบายการดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวัง (conservative) ไม่ได้เน้นเติบโตมาก เน้นดูแลตัวเองและลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งลูกค้าของบริษัทไม่ใช่สายการบินหรือโรงแรม จึงไม่ได้กระทบหนักมาก แต่ก็โดนหางเลข โดยบริษัทมีการดูแลลูกค้า
อาทิ พักชำระหนี้ ขยายระยะเวลาชำระหนี้ ฯลฯ และมาตรการจะจบในปีนี้ ซึ่งบริษัทมีการดูแลบริหารจัดการสถานการณ์หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ตลอดทั้งปี ปัจจุบัน NPL ถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาปรับปรุงระบบหลังบ้าน เตรียมระบบไอทีให้พร้อมรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่
เพื่อที่จะได้ก้าวกระโดดได้หลังโควิดโดยปี 2564 นี้ น่าจะเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัว และอาจจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาได้ในช่วงปลายปี ทั้งนี้ มองว่าช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ทุกอย่างน่าจะเข้าที่เข้าทาง ปลายปีน่าจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น ซึ่งต้องรอผลจากการฉีดวัคซีน
“ปีที่แล้วปิดประเทศ การท่องเที่ยวก็ยังไม่มา อะไรหลาย ๆ อย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง เราจึงเน้นดูแลตัวเองและลูกค้า ไม่เน้นโตก้าวกระโดด มีการกลับมาดูแลหลังบ้าน เพราะเชื่อว่าโควิดจะไม่ได้อยู่กับเราตลอด
พอวันที่สามารถควบคุมโควิดได้ทั้งโลก เราจะได้พร้อมก้าวที่จะกระโดด ขณะที่ปีนี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น วัคซีนเข้ามา อะไรหลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น สภาพเศรษฐกิจก็น่าจะเริ่มกลับมาดีขึ้นได้แล้ว ก็เป็นไปได้ที่คนไทยจะเริ่มลงทุน อยากได้เงินทุนไปหมุนเวียนกันมากขึ้น ดังนั้น ปีนี้เราจึงตั้งเป้าเติบโต 20%”
ผนึก “ออมสิน” ปูพรมฐานราก
โดยเป้าหมายการเติบโต 20% เป็นภาพรวมของกลุ่ม SAWAD แต่ยังไม่รวมกับการลงทุนร่วมกับธนาคารออมสิน ผ่านบริษัทลูก “บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด”
“ธิดา” บอกว่า ธนาคารออมสินกำหนดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจ “จำนำทะเบียนรถ” ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2564 นี้เป็นต้นไป ซึ่งออมสินตั้งเป้าไว้ว่า ภายในสิ้นปีนี้จะขยายพอร์ตจำนำทะเบียนรถของบริษัท เงินสดทันใจ ให้เพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ “ธิดา” เล่าถึงการที่ SAWAD เสนอตัวเข้าไปเป็นพันธมิตรกับธนาคารออมสินว่า เกิดจากธนาคารออมสินที่อยากช่วยเหลือประชาชน เช่นเดียวกับ SAWAD เองที่อยากช่วยประชาชนด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้น เมื่อออมสินประกาศหาพันธมิตร บริษัทจึงไปเข้าร่วมกระบวนการคัดสรรของออมสิน โดย SAWAD พร้อมรับเงื่อนไขสำคัญที่ต้องทำธุรกิจโดยคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 18% ต่อปี ขณะเดียวกันบริษัทมีจุดแข็งในแง่จำนวนสาขาที่มีอยู่เกือบ 5,000 สาขาทั่วประเทศ เมื่อรวมกับออมสินที่มีอีกเกือบ 1,000 สาขาแล้ว ก็จะมีจุดบริการที่ช่วยให้คนไทยเข้าถึงเงินทุนได้มากขึ้น
“หนึ่งในประเด็นที่จะได้รับการคัดเลือกก็คือ เราจะต้องลดผลตอบแทน (ยีลด์) ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยลงมาเหลือไม่เกิน 18% ต่อปี ตามที่ออมสินกำหนดเงื่อนไขไว้ ซึ่งเราก็อยากช่วยเหลือคนไทย
โดยเฉพาะกลุ่มฐานรากให้เข้าถึงแหล่งเงินจากการจำนำทะเบียนรถในราคาที่รับได้ จึงได้ไปร่วมมือกับออมสิน สนองนโยบายรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน อยากจะให้ใครที่ขาดเงินก็คิดถึงเรา โดยเรากับออมสินต่างคนต่างร่วมลงทุน แล้วก็ตั้งใจจะไปเติบโตพอร์ตสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน”
หวังวอลุ่มชดเชยดัมพ์ดอกเบี้ย
สำหรับการดำเนินงานของ “เงินสดทันใจ” หลังจากนี้ “ธิดา” ให้ภาพว่า จะช่วยกันสองฝ่าย โดยบริษัทจะรับนโยบายมาจากทางธนาคารออมสินที่รับนโยบายมาจากภาครัฐอีกที จากนั้นทีมของ SAWAD จะดูแลบริหารจัดการ (โอเปอเรชั่น) เพราะมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
“เราจะนำนโยบายมาปรับกับสิ่งที่เรามีอยู่ แล้วกระจายออกไป แต่ต้องเน้นย้ำว่า ตรงนี้ไม่ใช่เงินช่วยเหลือ แต่เป็นธุรกิจ อย่างไรก็ดี เราก็มาเพื่อช่วยดัมพ์ดอกเบี้ยลง ซึ่งหากสุดท้ายแล้วมีผลต่อการแข่งขันในตลาดด้วย
ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับ ก็เป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกรายที่จะรับไหว (การดัมพ์ดอกเบี้ยลง) ดังนั้น ทางออมสินตั้งใจจะช่วยจริง ๆ ส่วนเราที่เป็นพาร์ตเนอร์กับออมสินก็ตั้งใจที่จะสนองนโยบายของรัฐ แล้วก็คาดว่าเมื่อได้วอลุ่มมา ทุก ๆ อย่างจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น”
พร้อมลุยปล่อยกู้ “ครบทุกขา”
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจาก “เงินสดทันใจ” ในส่วนของ “SAWAD” เองก็ยังมีการดำเนินธุรกิจ “จำนำทะเบียนรถ” อยู่ ซึ่งจะอยู่ในภาพรวมการเติบโตของ SAWAD ที่ 20% ในปีนี้ และมองว่า หากการทำธุรกิจร่วมกับออมสินจะมีผลกระทบมาถึงส่วนนี้ก็ไม่เป็นไร โดยคาดว่าวอลุ่มที่จะได้จากการร่วมทำธุรกิจกับออมสินจะสามารถกลับมาชดเชยได้ในอนาคตต่อไป