ก้าวกระโดด “ศรีสวัสดิ์” หลังโควิด ผนึกออมสิน กวาดลูกค้าฐานราก

ศรีสวัสดิ์

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดหนักตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา หลายธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมากจากกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจที่หายไป แต่ก็มีหลายธุรกิจที่รับมือกับสถานการณ์ได้ดีและพร้อมจะก้าวกระโดดต่อไป

หลังวิกฤตโรคระบาดผ่านพ้น อย่างกรณีของบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “SAWAD” ที่ปีที่ผ่านมา มีการขยับธุรกิจหลายส่วน ทั้งการเข้าไปถือหุ้นใหญ่ใน “บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด” หรือ “SCAP” ที่ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งการผนึกกับพันธมิตรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่าง “บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)”

หรือ “NOBLE” เพื่อร่วมทำธุรกิจด้านบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) หรือการจัดตั้ง “บริษัท ศรีสวัสดิ์ ดิจิตอล จำกัด”เพื่อเตรียมขยายธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (ดิจิทัลพีโลน)และที่เป็นการเขย่าวงการ “สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน” (จำนำทะเบียนรถ) ด้วยการเปิดทางให้ “ธนาคารออมสิน” เข้ามาร่วมทำธุรกิจ ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รับโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “ธิดา แก้วบุตตา” ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ที่ได้มาฉายภาพถึงแนวโน้มและทิศทางธุรกิจของ “SAWAD” ในปี 2564 นี้

Advertisment

ตั้งเป้าโต 20% รับเศรษฐกิจฟื้น

โดย “ธิดา” บอกว่า ปี 2563 ที่ผ่านมากลุ่ม SAWAD มีนโยบายการดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวัง (conservative) ไม่ได้เน้นเติบโตมาก เน้นดูแลตัวเองและลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งลูกค้าของบริษัทไม่ใช่สายการบินหรือโรงแรม จึงไม่ได้กระทบหนักมาก แต่ก็โดนหางเลข โดยบริษัทมีการดูแลลูกค้า

อาทิ พักชำระหนี้ ขยายระยะเวลาชำระหนี้ ฯลฯ และมาตรการจะจบในปีนี้ ซึ่งบริษัทมีการดูแลบริหารจัดการสถานการณ์หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ตลอดทั้งปี ปัจจุบัน NPL ถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาปรับปรุงระบบหลังบ้าน เตรียมระบบไอทีให้พร้อมรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่

เพื่อที่จะได้ก้าวกระโดดได้หลังโควิดโดยปี 2564 นี้ น่าจะเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัว และอาจจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาได้ในช่วงปลายปี ทั้งนี้ มองว่าช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ทุกอย่างน่าจะเข้าที่เข้าทาง ปลายปีน่าจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น ซึ่งต้องรอผลจากการฉีดวัคซีน

“ปีที่แล้วปิดประเทศ การท่องเที่ยวก็ยังไม่มา อะไรหลาย ๆ อย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง เราจึงเน้นดูแลตัวเองและลูกค้า ไม่เน้นโตก้าวกระโดด มีการกลับมาดูแลหลังบ้าน เพราะเชื่อว่าโควิดจะไม่ได้อยู่กับเราตลอด

Advertisment

พอวันที่สามารถควบคุมโควิดได้ทั้งโลก เราจะได้พร้อมก้าวที่จะกระโดด ขณะที่ปีนี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น วัคซีนเข้ามา อะไรหลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น สภาพเศรษฐกิจก็น่าจะเริ่มกลับมาดีขึ้นได้แล้ว ก็เป็นไปได้ที่คนไทยจะเริ่มลงทุน อยากได้เงินทุนไปหมุนเวียนกันมากขึ้น ดังนั้น ปีนี้เราจึงตั้งเป้าเติบโต 20%”

ผนึก “ออมสิน” ปูพรมฐานราก

โดยเป้าหมายการเติบโต 20% เป็นภาพรวมของกลุ่ม SAWAD แต่ยังไม่รวมกับการลงทุนร่วมกับธนาคารออมสิน ผ่านบริษัทลูก “บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด”

“ธิดา” บอกว่า ธนาคารออมสินกำหนดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจ “จำนำทะเบียนรถ” ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2564 นี้เป็นต้นไป ซึ่งออมสินตั้งเป้าไว้ว่า ภายในสิ้นปีนี้จะขยายพอร์ตจำนำทะเบียนรถของบริษัท เงินสดทันใจ ให้เพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ “ธิดา” เล่าถึงการที่ SAWAD เสนอตัวเข้าไปเป็นพันธมิตรกับธนาคารออมสินว่า เกิดจากธนาคารออมสินที่อยากช่วยเหลือประชาชน เช่นเดียวกับ SAWAD เองที่อยากช่วยประชาชนด้วยเช่นเดียวกัน

ดังนั้น เมื่อออมสินประกาศหาพันธมิตร บริษัทจึงไปเข้าร่วมกระบวนการคัดสรรของออมสิน โดย SAWAD พร้อมรับเงื่อนไขสำคัญที่ต้องทำธุรกิจโดยคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 18% ต่อปี ขณะเดียวกันบริษัทมีจุดแข็งในแง่จำนวนสาขาที่มีอยู่เกือบ 5,000 สาขาทั่วประเทศ เมื่อรวมกับออมสินที่มีอีกเกือบ 1,000 สาขาแล้ว ก็จะมีจุดบริการที่ช่วยให้คนไทยเข้าถึงเงินทุนได้มากขึ้น

“หนึ่งในประเด็นที่จะได้รับการคัดเลือกก็คือ เราจะต้องลดผลตอบแทน (ยีลด์) ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยลงมาเหลือไม่เกิน 18% ต่อปี ตามที่ออมสินกำหนดเงื่อนไขไว้ ซึ่งเราก็อยากช่วยเหลือคนไทย

โดยเฉพาะกลุ่มฐานรากให้เข้าถึงแหล่งเงินจากการจำนำทะเบียนรถในราคาที่รับได้ จึงได้ไปร่วมมือกับออมสิน สนองนโยบายรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน อยากจะให้ใครที่ขาดเงินก็คิดถึงเรา โดยเรากับออมสินต่างคนต่างร่วมลงทุน แล้วก็ตั้งใจจะไปเติบโตพอร์ตสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน”

หวังวอลุ่มชดเชยดัมพ์ดอกเบี้ย

สำหรับการดำเนินงานของ “เงินสดทันใจ” หลังจากนี้ “ธิดา” ให้ภาพว่า จะช่วยกันสองฝ่าย โดยบริษัทจะรับนโยบายมาจากทางธนาคารออมสินที่รับนโยบายมาจากภาครัฐอีกที จากนั้นทีมของ SAWAD จะดูแลบริหารจัดการ (โอเปอเรชั่น) เพราะมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว

“เราจะนำนโยบายมาปรับกับสิ่งที่เรามีอยู่ แล้วกระจายออกไป แต่ต้องเน้นย้ำว่า ตรงนี้ไม่ใช่เงินช่วยเหลือ แต่เป็นธุรกิจ อย่างไรก็ดี เราก็มาเพื่อช่วยดัมพ์ดอกเบี้ยลง ซึ่งหากสุดท้ายแล้วมีผลต่อการแข่งขันในตลาดด้วย

ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับ ก็เป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกรายที่จะรับไหว (การดัมพ์ดอกเบี้ยลง) ดังนั้น ทางออมสินตั้งใจจะช่วยจริง ๆ ส่วนเราที่เป็นพาร์ตเนอร์กับออมสินก็ตั้งใจที่จะสนองนโยบายของรัฐ แล้วก็คาดว่าเมื่อได้วอลุ่มมา ทุก ๆ อย่างจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น”

พร้อมลุยปล่อยกู้ “ครบทุกขา”

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจาก “เงินสดทันใจ” ในส่วนของ “SAWAD” เองก็ยังมีการดำเนินธุรกิจ “จำนำทะเบียนรถ” อยู่ ซึ่งจะอยู่ในภาพรวมการเติบโตของ SAWAD ที่ 20% ในปีนี้ และมองว่า หากการทำธุรกิจร่วมกับออมสินจะมีผลกระทบมาถึงส่วนนี้ก็ไม่เป็นไร โดยคาดว่าวอลุ่มที่จะได้จากการร่วมทำธุรกิจกับออมสินจะสามารถกลับมาชดเชยได้ในอนาคตต่อไป