TIPH เข้าเทรดตลาดหุ้นวันแรก แย้มแผน 1 ปี ลุยซื้อบริษัทประกัน

หุ้น-กองทุน-แบงก์

ทิพยกรุ๊ปโฮลดิ้งส์ (TIPH) ได้ฤกษ์ดีเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้เป็นวันแรก แทนหุ้นทิพยประกันภัย (TIP) ซึ่งปรับเป็นบริษัทลูกที่เป็นแกนกลางของกลุ่มธุรกิจประกันภัย “ซีอีโอ” กางแผนขยายธุรกิจ 12 เดือนข้างหน้า จ่อซื้อกิจการธุรกิจสนับสนุนธุรกิจประกันภัย 2-3 ธุรกิจ-ศึกษาความเป็นไปได้ตั้งบริษัทประกันภัยใหม่-เข้าซื้อกิจการที่มีใบอนุญาต รองรับการแยกหน่วยธุรกิจที่มีศักยภาพของบริษัทในกลุ่มออกเป็นบริษัทใหม่ (Spin-Off) อีกอย่างน้อย 1 ธุรกิจ

วันที่ 7 กันยายน 2564 ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH กล่าวว่า โครงสร้างกลุ่มธุรกิจ และแผนการดำเนินธุรกิจของ TIPH ถูกกำหนดขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของธุรกิจประกันภัย หลังการเกิดขึ้นของวิกฤตโควิด-19 จากนี้เตรียมเดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกมิติ พร้อมยืนยันโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถทางการแข่งขัน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจของทิพย กรุ๊ปได้

ดร.สมพรกล่าวต่อว่า ยืนยันว่าภายใต้โครงสร้างกลุ่มธุรกิจของ TIPH ธุรกิจหลักยังคงเป็นธุรกิจประกันภัย ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 75% ของทรัพย์สินรวมของกลุ่มบริษัท

โดยมีบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เป็นบริษัทที่เป็นแกนกลางของกลุ่มภายใต้ TIPH โดยที่โครงสร้างธุรกิจประกันภัยของTIPH จะมีการแบ่งแยกและจำกัดความเสี่ยงของแต่ละสายธุรกิจอย่างชัดเจน ประกอบด้วย ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย (Non-Life Insurance) ธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย (Life Assurance) ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ (International Insurance) และธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจประกันภัย (Insurance Supporting)

ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือกลุ่มประกันภัย อาจจะขยายการลงทุนไปในอนาคตในสัดส่วนไม่เกิน 25% ของทรัพย์สินรวมของกลุ่มบริษัท แต่ต้องเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจหลัก และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจของ TIPH ด้วย

“บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าการจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจดังกล่าว นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการจัดการองค์กรให้เหมาะสมกับการประกอบธุรกิจในแต่ละประเภทธุรกิจแล้ว จะช่วยให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage) ที่เกิดจากการพัฒนากลุ่มธุรกิจให้มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน (Specialization) อย่างแท้จริง รวมทั้งจะส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จากการจัดตั้งหน่วยธุรกิจที่ให้การสนับสนุนกับบริษัทในเครือ (Shared Services) ขึ้นมา

โดยเป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากหน่วยงานสนับสนุนธุรกิจที่ถือว่าเป็นจุดแข็งที่เป็นข้อได้เปรียบ (Unique Competencies) ของ TIP อยู่แล้ว เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศการให้บริการสรรหาและพัฒนาบุคลากร หน่วยงานวิจัยและพัฒนา เป็นต้น” ดร.สมพรกล่าว

โดยที่กลยุทธ์หลักในการขยายธุรกิจของ TIPH จะอยู่บนเป้าหมายของการสร้างนวัตกรรมใหม่ (Innovation) ในแต่ละกลุ่มธุรกิจประกันภัยของบริษัท เพื่อทำให้เกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Exponential Growth) และการเติบโตที่ยั่งยืน (Sustainable Growth) ควบคู่กันไป โดยมุ่งเน้นการขยายการลงทุนในธุรกิจประกันภัยและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประกันภัยทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Alliance) การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) และการควบรวมและการเข้าซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions) รวมทั้งผ่านการแยกหน่วยธุรกิจของบริษัทในกลุ่มที่มีศักยภาพออกเป็นบริษัทใหม่ (Spin-Off) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจของ TIPH

สำหรับแผนการขยายธุรกิจใน 12 เดือนข้างหน้า บริษัทมีแผนการดำเนินการชัดเจนแล้วตามที่ได้แจ้งกับผู้ถือหุ้นไประหว่างช่วงเวลาการทำ Tender Offer ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการจัดตั้งหรือเข้าซื้อกิจการที่ประกอบธุรกิจสนับสนุนธุรกิจประกันภัย 2-3 ธุรกิจ รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งบริษัทประกันภัยใหม่ หรือการเข้าซื้อกิจการที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย เพื่อรองรับการแยกหน่วยธุรกิจที่มีศักยภาพของบริษัทในกลุ่มออกเป็นบริษัทใหม่ (Spin-Off) อีกอย่างน้อย 1 ธุรกิจด้วย

“ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้โครงสร้างกลุ่มธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ดี บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัย และโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่ง โดยที่ปัจจุบัน บมจ.ปตท. ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จะทำให้ TIPH สามารถเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจประกันภัยไปสู่มิติใหม่ ที่สามารถสร้างประโยชน์สูงสุดของประชาชนในฐานะผู้เอาประกันภัยและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคตได้” ดร.สมพรกล่าว