เปิดประวัติ “ปัญญา กันรอบรู้” ผู้ก่อตั้งคณะละครลิงชื่อดัง เสียชีวิตวัย 73 ปี

ลุงปัญญา ผู้ก่อตั้งละครลิง

เปิดประวัติ “ปัญญา กันรอบรู้” เจ้าของคณะละครลิงชื่อดัง ประกิต ศิษย์พระกาฬ เสียชีวิตด้วยวัย 73 ปี จากโรคส่วนตัว 

วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กละครลิงประกิตโชว์ แจ้งว่า นายปัญญา กันรอบรู้ อายุ 73 ปี เจ้าของและผู้ก่อตั้งคณะละครลิงชื่อดัง “ประกิต ศิษย์พระกาฬ” เสียชีวิตลงแล้ว โดยจัดตั้งศพไว้ที่วัดบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

ประวัติส่วนตัว

สำหรับประวัติของ ปัญญา กันรอบรู้ เดิมเป็นคน อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เริ่มตั้งคณะละครลิง ออกแสดงตั้งแต่ปี 2518 โดยมีลิงทั้งหมด 5 ตัว และต่อมาได้ตั้งชื่อคณะละครลิงว่า “ประกิต ศิษย์พระกาฬ” ซึ่งการแสดงละครลิงได้สร้างชื่อเสียงให้กับคณะและเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่ว

ต่อมาลุงปัญญาได้เข้าซื้อที่ดินในพื้นที่ ต.สวนกล้วย อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ปลูกบ้านพักอาศัย และมีการฝึกสอนลิง เพื่อนำลิงไปแสดงในสถานที่ต่าง ๆ

อาการป่วยก่อนเสียชีวิต

ทั้งนี้ เจ้าตัวมีอาการป่วยหลายโรค ทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไต มานาน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบ้านโป่ง จนกระทั่งเมื่อเวลา 11.45 น.ของวันที่ 27 พฤษภาคม จึงจากไปด้วยอาการสงบ

ทั้งนี้ จะมีพิธีสวดเป็นคืนสุดท้าย วันที่ 1 มิถุนายน เวลา 15.00 น. จะมีการจัดการแสดงละครลิง ตรงหน้าศพและให้ประชาชนที่มาร่วมงานชม ต่อจากนั้นเวลา 17.00 น. จะมีพิธีประชุมเพลิงต่อไป

ลูกชายผู้สืบทอดละครลิงโพสต์ถึงพ่อ

ต่อมา เฟซบุ๊ก ละครลิง ประกิตโชว์ วัชระ กันรอบรู้ ซึ่งเป็นลูกชายของลุงปัญญา ที่สืบทอดคณะละครลิงต่อจากพ่อ ได้โพสต์เล่าถึงวันสุดท้ายก่อนพ่อจะจากไป ข้อความว่า

“28 พ.ค. 66 เมื่อวานเวลานี้ตี 4 พ่อฟื้นขึ้นมา จากตอน 2 ทุ่มที่หมอบอกว่าไม่ดีเลย และไม่ควรทำอะไรเพิ่มเพราะจะทำให้เจ็บและได้แค่ยื้อเท่านั้น

พ่อลืมตาขึ้นมาเริ่มมองดูรอบข้าง พ่อหันมามองผมซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เตียงแล้วจับมือของพ่อไว้ พ่อบีบมือผมเป็นจังหวะ ๆ แต่พ่อยังพูดไม่ได้ ผมบอกพ่อข้าง ๆ หูว่า พ่อครับ ถ้าพ่อไหวพ่อก็สู้นะครับ แต่ถ้าพ่อไม่ไหว พ่อก็สามารถออกเดินทางได้เลยนะครับ ทางสายธรรมะที่พ่อปฏิบัติ ซึ่งเป็นทางที่พ่อใช้ดำเนินมาตลอดทั้งชีวิต พ่อไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้วนะพ่อ ผมจะดูแลทุกอย่างแทนพ่อเอง พ่อไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลครอบครัว เหมือนที่พ่อทำมาตลอด

ผมรับปาก ทุกประโยคที่พ่อได้ฟัง พ่อสามารถพยักหน้าตอบรับได้แบบช้า ๆ ซักพักพ่อเหมือนพยายามจะนั่งโดยเริ่มกระดกตัวขึ้น แต่ไม่ไหว ผมบอกว่าพ่อว่าหมอไม่ให้ลุก (ที่จริงกลัวว่าถ้าพ่อลุกขึ้นมาแล้วจะแย่หนัก) พ่อจึงพยักหน้าแล้วเอนลงนอน โดยผมและครอบครัวประคอง จากนั้นผมบอกให้พ่อพักผ่อนก่อนนะ แล้วปล่อยมือท่านในท่านอนสบาย ๆ พ่อพยักหน้าแล้วเหมือนนอนหลับ

ซักงีบพ่อก็ลืมตาแล้วยกมือข้างซ้ายที่ไม่มีแรงขึ้นมา เวลานี้ครอบครัวได้ยืนจับมือพ่อไว้คนละฝั่งทั้งซ้ายขวา แต่ละคนก็บอกความที่ต้องการบอกชื่นใจในความสามัคคีครับ พ่อเริ่มมีเสียงพูด ผมก็เอ่ยเหมือนเช่นเคย พ่อเปลี่ยนการขยับ ปล่อยมือขวาฝั่งที่ผมยืนจับอยู่ข้างเตียง เป็นการคล้องมาข้างหลังผม

ผมจึงโน้มตัวลงเอาหัวไปซบที่หน้าอกพ่อ ผมกอดพ่อ พ่อก็ยกมือข้างซ้ายมายีที่หัวของผม แล้วพ่อก็พูดด้วยเสียงที่ช้านิด ๆ ว่า สุดยอด พ่อขอฝากด้วยนะ ผมตอบรับปาก และบอกพ่อว่า ไม่ต้องห่วงนะ ทุกสิ่งอย่างที่ลูก ๆ ได้ทำ ไม่เหนื่อยครับพ่อ สิ่งที่ได้ทำล้วนแล้วแต่เต็มใจ เหมือนได้ทำบุญกับพ่อ พ่อออกเสียงร้องไห้แบบแห้ง ๆ ผมจึงเอนตัวกลับบอกพ่อไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวพ่อจะเกร็ง ผมยืนจับมือพ่อไว้อย่างเดิม พ่อนอนหลับเวลานี้ประมาน 6-7 โมงเช้า พ่อตื่นและขอนั่งโดยบอกว่าไหว แล้วก็ไหวจริง ๆ พ่อบอก เฮ้ออโล่ง คงนอนท่าเดิมนาน ๆ แล้วเมื่อย เราช่วยกันประคองนั่ง

พ่อเล่าความฝันที่ฟังออกมั่งไม่ออกมั่ง น้ำเสียงชัดขึ้นเยอะ และอาการดีขึ้นเยอะ เหมือนพ่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ แล้วพยาบาลก็มาขอฉีดยา เราประคองพ่อนอนลง จากนั้นพยาบาลก็ฉีดไหล่ข้างซ้าย พ่อยกมือข้างขวาแบบเร็ว ๆ ทำท่า เยี่ยม ๆ พยาบาลหยอกพ่อว่า คุณลุงทำอะไรหนูมองไม่ทันขออีกครั้งนึง แล้วพ่อก็ทำท่า เยี่ยม ๆ อีกรอบ พยาบาลว่า หนูฉีดยาเก่งขนาดนั้นเลยหรอ พ่อตอบ ใช่ครับ แล้วพยาบาลเดินอ้อมกลับทางปลายเท้า พ่อยกมือไหว้บอกขอบคุณครับ พยาบาลว่าคุณลุงไม่ต้องยกมือไหว้หนูหรอก พ่อว่าได้ไงผู้มีพระคุณ

จากนั้นอีกคนมาวัดความดัน ซึ่งผมเปิดเพลงพระพุทธเจ้า คลอให้ตลอดมาทั้งคืน เสียงเบาพยาบาลฟังดนตรี ถามว่าคุณลุงนับถือศาสนาคริสต์เหรอคะ พ่อตอบ คริสต์ก็ได้ อิสลามก็ดี แต่หลัก ๆ พุทธครับ พยาบาล 2 คนก็ได้ขำขัน คงยินดีที่พ่ออาการดีขึ้นมาก และลองทดสอบถอดเครื่องช่วยหายใจแรงดันสูงออกซัก 10 นาที ว่ายังคงต้องใช้อยู่แต่ลดกำลังลงจาก 100 เหลือ 60 บอกใช้ต่ออีกหน่อย

หลังจากนั้นพ่อก็นอนตะแคงซ้ายมั่ง ขวามั่ง คันก้นมั่ง ผมกับแม่และแฟน ปล.น้องชายอีกคน ก็เกาให้มั่ง ประแป้งมั่ง น้ำลูบมั่ง เดี๋ยวก็นั่ง เดี๋ยวนอน เวลานี้ 8-9 โมงเช้า พยาบาลนำอาหารมาให้ แม่รับมาแขวนเป็นอาหารถุงการแพทย์ที่ให้ทางสายยาง พ่อหันไปมอง แล้วบอกอันนี้เอา ๆ จนอาหารหมด พ่อบอกถุงแค่เนี้ยให้นานจัง ถึงจนเวลานี้ เราวางใจกับอาการของพ่อ ผมแฟนและน้อง บอกพ่อว่า พ่อครับเดี๋ยวผมมานะขอไปอาบน้ำกินข้าวงีบนอนซัก 2 ชม.ที่บ้าน ผมชี้นาฬิกา ตอนนี้ 9 โมง เดี๋ยว 11 โมงผมมานะครับพ่อ พ่อพยักหน้าแล้วว่า อืมลูก ๆ กลับไปพักกันก่อน

ผมกลับมาบ้าน อาบน้ำ กินข้าว เวลาประมาณ 10 โมง ผมล้มหัวนอนซัก 5 นาทีไม่ทันหลับ หัวใจและศีรษะของผม เต้นแรงเป็นจังหวะพร้อมกันดัง ตุ๊บ ๆ ๆ ๆ จนผมไม่สามารถนอนได้ ผมรีบคว้าโทรศัพท์ติดต่อแม่ หลายครั้งไม่ติด ผมจะออกไปโรงพยาบาลแระ รู้สึกไม่ดีจริง ๆ แฟนนอนอีกห้องบอกแม่เขาเปลี่ยนเบอร์ใหม่ เอ้าผมไม่รู้ แต่พอโทร.ไปแม่รับ บอกว่าหมอเพิ่งออกไป หมอถามคุณลุงตื่นแล้วนะ พ่อตอบ ครับ หมอว่าดีแล้วล่ะ แม่ว่าโอเคไม่มีอะไร นอนพักผ่อนอยู่ ผมก็โล่งแล้วล้มหัวนอนอีกครั้ง ไม่ทัน 2 นาที แม่โทร.กลับมา บอกพ่อแย่อีกแล้ว นั่นคือนาทีที่ไม่ต้องคิดอะไร ผมรีบไปโรงพยาบาลให้ทัน ระยะทาง บ้านถึงโรงพยาบาลก็ 2-3 โล เหมือนไกลจัง

เมื่อไปถึงประมาน 10 โมงครึ่ง ผมจับมือขวาของพ่อมากุมไว้ พ่อมีอาการกระวนกระวาย หันมามองหน้าผม แต่คราวนี้พ่อไม่พูดแล้ว เพราะเหนื่อย พ่อบีบมือผมเป็นจังหวะ ผมโน้มตัวเข้าไปคุยใกล้ ๆ และพูดคนเดียวบอกพ่อ พ่อครับ พ่อไม่ต้องห่วงอะไรนะครับ ผมรับปากจะทำหน้าที่แทนพ่อทุกอย่าง ถ้าพ่อไหวพ่อก็สู้นะ ถ้าไม่ไหวพ่อก็ออกเดินทางได้เลยนะ ทางสายธรรมมะที่พ่อปฏิบัติมาตลอด ผมจะดูแลทุกอย่างแทนพ่อเอง ไม่ต้องห่วงนะครับ จนซักพัก อาการเริ่มคลายลง พ่อเริ่มคลายมือออกนิด ๆ ผมจึงเอามือพ่อมากอดผมไว้แล้วซบลงที่อกพ่อ นำมืออีกข้างของพ่อมายีที่หัวผม เหมือนเมื่อครั้งก่อน

ผมบอกพ่อว่า พ่อไม่ต้องห่วงนะ ผมจะดูแลทุกอย่างแทนพ่อเอง ผมจะทำหน้าที่ที่พ่อทำ ผมจะดูแลครอบครัวเอง ลูก ๆ ทุกคนทำเพื่อพ่อไม่เหนื่อยหรอก เต็มใจเหมือนได้ทำบุญกับพ่อนั่นแหละ เหมือนที่เราไปทำบุญกันในทุกวันพระ กรวดน้ำ ถ้าพ่อต้องเดินทาง ถ้าสะดวกพ่อก็มาทำบุญด้วยกันนะครับ ถ้าพร้อมพ่อก็เดินทางได้เลยนะครับ ทางสายธรรมมะที่พ่อปฏิบัติมาตลอดนะครับพ่อ เสียงเครื่องดังผิดเสียง ผมเอนตัวขึ้นตัวเลขบนเครื่องหายไปหมดแล้ว ผมลองเปลี่ยนที่เสียบนิ้ว จากนั้นกราบที่อกพ่อ ขอให้พ่อเดินทางสายธรรมมะ สู่พระนิพพานนะพ่อนะ

11.35 นาที การจากไปอย่างสงบ ของพ่อ ปัญญา กันรอบรู้ (เหตุการณ์วันที่เกิดขึ้น ผมเข้มแข็งมากครับ) แต่วันนี้ผมทวนความหลังแล้ว ผมก็ยังเข้มแข็ง มีเพียงน้ำตาที่ห้ามไม่ได้ แต่ผมร้องไห้ แล้วก็มียิ้มด้วยนะ เวลานึกถึงพ่อ ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ผมดีใจที่เกิดเป็นลูกของพ่อ ผมรักพ่อ และรักครอบครัว ขอให้พ่อออกเดินทางตามสายทางแห่งธรรมะที่พ่อปฏิบัติมาตลาด ผมยังรู้สึกว่าพ่ออยู่ในตัวผม และมันจะเป็นยังนี้ตลอดไป”