ข้อมูลหุ้นเต็มคอมพ์ “รจนา” คาดเอาเงินกองทุนตกเขียวไปเล่นหุ้น

เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เปิดเผยว่า วันนี้ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าวเข้ามาให้ข้อมูลจำนวน 10 ราย รวมถึง นางรจนา สินที อดีตนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ (ระดับ 8) สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการแล้วมาให้ข้อมูลด้วย แต่เมื่อคณะกรรมการสืบสวนฯ โทรศัพท์ติดต่อนางรจนา พบว่าไม่สามารถติดต่อได้ และทราบข่าวมานางรจนาไม่ได้รับทราบคำสั่งไล่ออกจากราชการ ซึ่ง สป.ศธ.ส่งให้ทางไปรษณีย์ด้วย ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการสืบสวนฯ จะไม่เชิญมาให้ข้อมูลซ้ำอีก เพราะไม่มีผลต่อการสืบสวนมากนัก แต่ถ้ามาก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน และเป็นประโยชน์ต่อตัวนางรจนาเอง ที่จะได้มีโอกาสในการชี้แจ้งข้อเท็จจริง ส่วนการขอข้อมูลจากผู้บริหารระดับสูงนั้น ขณะนี้มีบางส่วนทำหนังสือชี้แจงข้อมูลมาแล้ว และบางส่วนส่งทนายความมาขอขยายเวลาการชี้แจงออกไปอีก 15 วัน หรือถึงวันที่ 25 เมษายนนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านมานานแล้ว และมีความซับซ้อนเกี่ยวกับเรื่องเองสาร ซึ่งตนได้ขยายเวลาให้

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า การเชิญผู้ปฏิบัติงาน มาให้ข้อมูล ซึ่งเป็นผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว และเคยมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการการทำงาน เช่น เจ้าหน้าที่ในขั้นตอนการกลั่นกรองงาน โดยได้สอบถามพฤติกรรมการทำงาน และบริบทงานแวดล้อมทั่วไป ว่าใช้ความละเอียดรอบคอบมากแค่ไหน ส่วนใหญ่จะตอบในทางเดียวกัน โดยเห็นว่า ผ่านมาหลายขั้นตอนแล้ว และบางคนก็มีหน้าที่ดูแค่รับรองว่ายอดเงินพอหรือไม่พอ เงินที่อนุมัติตรงกับมติที่ประชุมหรือไม่ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าผู้ที่มาให้ข้อมูลมีพฤติกรรมรู้เห็นกับนางรจนาหรือไม่ ต้องดูข้อมูลอื่นประกอบด้วย เช่น ขณะนี้มีผู้รับโอนเงินจากนางรจนา บางคนติดต่อส่วนตัวมาที่ตนว่าจะเข้ามาให้ข้อมูล

นายอรรถพลกล่าวอีกว่า ขณะที่มีข้อมูลเพิ่มเติม พบว่ามีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานผู้รับโอนเงิน เป็นข้าราชการสังกัดอื่น ซึ่งอยู่ใน จ.ศรีสะเกษ และ จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้น 2 ราย และเป็นข้าราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) อีก 1 ราย ซึ่งได้ข่าวว่าข้าราชการสังกัดอื่นทั้ง 2 ราย ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้บัญชีไว้แล้ว

“ขณะนี้การสืบสวนฯ คืบหน้าไปมากกว่า 90% รอแค่เอกสารยืนยันจากจังหวัด ที่ให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับพื้นที่ รอเอกสารยืนยันจากผู้บริหารระดับสูง ซึ่งแม้นางรจนาจะไม่มาให้ข้อมูล ก็สามารถขยายผลไปสู่ส่วนอื่นๆ ได้ แต่ถ้านางรจนามาก็จะเป็นประโยชน์ต่อนางรจนาเอง เช่น เรื่องการโอนเงินคืนว่าจะโอนคืนเมื่อไหน จะได้หักลบกลบหนี้กับยอดยักยอกเงินที่ตรวจสอบพบเบื้องต้นว่ามีประมาณ 110 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ใช่ยอดความเสียหายที่แท้จริง และยอดจริงเมื่อหักที่โอนคืนแล้ว อาจจะน้อยกว่านี้ เพราะพบว่าเงินที่โอนไปช้า มีการโอนคืนให้ในภายหลัง โดยที่ไม่แจ้งให้ ศธ.ทราบ หากได้ข้อมูลตรงนี้จะทำให้เรารู้ยอดเงินสุทธิที่หายไปได้เร็วขึ้น” นายอรรถพล กล่าว

Advertisment

นายอรรถพลกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ในส่วนของราชการ ตนจะรายงานข้อมูลทั้งหมดให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.รับทราบ พร้อมสั่งการว่าผู้ใดอาจมีมูลกระทำความผิดบ้าง ส่วนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟองเงิน (ปปง.) มีการส่งเอกสารหลักฐานให้กันอยู่แล้ว เช่น เอกสารหลักฐานที่ตรวจยึดมาได้จากห้องทำงาน ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ และเอกสารต่างๆ เช่น หนังสือทวงถามการโอนเงินจากสถานศึกษาผู้รับทุน และหนังสือแจ้งการโอนเงินไปยังสถานศึกษา แต่พบพิรุธว่ามีการปลอมลายเซ็นผู้บริหาร เป็นต้น ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนฯ ได้นัดหมายว่าจะนำไปส่งมอบให้ ป.ป.ท.ในวันที่ 10 เมษายน เวลา 11.00 น.ที่สำนักงาน ป.ป.ท.เพื่อให้ ป.ป.ท.ไปขยายผลต่อ เพราะบางอย่างเกินความสามารถ เช่น คอมพิวเตอร์ มีไวรัสเยอะ และบางข้อมูลไม่สามารถเปิดดูได้

แหล่งข่าวระดับสูงของ ศธ.คนหนึ่ง กล่าวว่า สำหรับการเชิญผู้ปฏิบัติงานที่เกษียณอายุราชการมาให้ข้อมูลครั้งนี้ พบมี 1 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงกรณีการทุจริตเงินกองทุนทางการศึกษาที่ ศธ.ดูแลอยู่ จำนวน 4.8 ล้านบาท โดยอดีตข้าราชการคนดังกล่าวได้นำเงินมาคืนแล้ว และจากการตรวจสอบพยานวัตถุ ซึ่งพบในห้องทำงานนางรจนา พบว่าคอมพิวเตอร์มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเล่นหุ้น มีตารางหุ้น จึงเป็นไปได้ว่านางรจนาอาจนำเงินบางส่วนไปเล่นหุ้น

 

ที่มา : มติชนออนไลน์

Advertisment