จากกรณีมีเด็กนักฟุตบอล และผู้ฝึกสอนหายเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมานายดำรงค์ หาญภักดีนิยม หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน สำนักงานพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 รับแจ้งว่ามีผู้ที่พากันเดินทางเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลายคนแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย โดยพบรถจักรยานรองเท้าบริเวณทางเข้าถ้ำ
ถ้ำหลวง/เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ชุดเสือไฟดับไฟป่า ที่ชำนาญเส้นทาง ได้ออกเดินเท้าเข้าสนับสนุนเพื่อไปจุดตาน้ำ ใกล้หมู่บ้านผาหมี เพื่อทำการเปลี่ยนทางไหลน้ำชั่วคราว เพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าถ้ำ ขณะที่บริเวณปากถ้ำหลวง เจ้าหน้าที่อีกชุดได้ดำเนินการเดินเครื่องสูบน้ำออกจากถ้ำให้มากที่สุด
ทั้งนี้ กองอำนวยการค้นหา ได้ขอความกรุณาจากประชาชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องโปรดงดเว้นการเข้าไปยังบริเวณถ้ำหลวง เนื่องจากทำให้การจราจรติดขัด และกีดขวางการปฏิบัติงานช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนงดการเดินทางไปยังบริเวณดังกล่าว และผู้ที่ต้องการนำอาหารและน้ำดื่มไปร่วมบริจาค กรุณานำไปยังจุดประสานงานเขตเวียงพางคำ ณ สนง.เทศบาลเวียงพางคำ-เขตตำบลโป่งผา ที่สำนักงาน อบต.โป่งผา
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เพื่อช่วยเหลือ 13 ชีวิตภายในถ้ำหลวง ว่าอุปสรรคจริงๆ แล้ว คือฝนที่ตกหนักแบบต่อเนื่องกันตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้น้ำภายในถ้ำท่วมสูงขึ้นเกือบ 1 เมตร และบางจุดนํ้าได้สูงขึ้นถึงเพดานถ้ำแล้ว แถมยังมีดินโคลนที่ไหลลงมากับนํ้า ทำให้หน่วยซีลของกองทัพเรือยังไม่สามารถที่จะดำน้ำข้ามไปโถงกลางเพื่อค้นหาเด็กๆ ได้
ด้าน พ่อหลวงซาเจ๊ะ หม่อโป๊ะกู่ อดีตผู้ใหญ่บ้านผาหมี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปกับทีมสำรวจทางอากาศ และได้ชี้จุดปล่องต่างๆ ที่ตนเคยเดินป่าเมื่อสมัยยังหนุ่ม แต่ไม่มีใครเคยเข้าไป โดยพบว่ามีช่องเข้าถ้ำมาก ส่วนใหญ่เป็นช่องเล็กแคบและอันตราย ซึ่งตนได้ให้ข้อมูลตาน้ำที่บ้านผาหมี ที่คาดว่าจะไหลเข้าไปในถ้ำหลวง ซึ่งอยู่ในป่าท้ายหมู่บ้านผาหมี
ที่มา : ข่าวสดออนไลน์