กก.ยาเสพติดฯ ไฟเขียว ‘กม.ลูกคุมกัญชา 7 ฉบับ’ เห็นชอบใช้ได้ทั้งสถานพยาบาลรัฐและเอกชน

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  นพ.ธเรศ   กรัษนัยรวิวงค์  เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษ ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการนำผลการรับฟังความคิดเห็นตามที่เปิดรับฟังความคิดเห็นกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ  โดยการเปิดรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) กฎกระทรวงกัญชา และกฎหมายลำดับรอง จำนวน 6 ฉบับ ระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2562 จากประชาชน ผู้ใช้กัญชา ผู้ผลิต บริษัทยาและผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ  ส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่มีประเด็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำกัญชาไปใช้กับสัตว์ที่ป่วย จึงนำประเด็นดังกล่าวมาเพิ่มเติมให้สามารถนำกัญชาใช้รักษาสัตว์หรือทางการสัตวแพทย์ได้  และพิจารณาตำรายาไทยที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมด้วย

“ล่าสุด ได้มีการพิจารณาให้นำไปใช้ตามสถานพยาบาลของรัฐและสถานพยาบาลเอกชนตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาลเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย และมีการพิจารณาถึงคลินิกที่จะทำการจ่ายยาได้จะต้องขึ้นทะเบียน ส่วนแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์จะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด รวมถึงให้มีระบบติดตามความปลอดภัยทั้งในสถานพยาบาลรัฐและเอกชน” นพ.ธเรศ กล่าว

นพ.ธเรศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบ 3 ร่างกฎหมายให้มีการปรับปรุง  ส่วนกฎกระทรวงจะเสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อนำเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีในการประกาศบังคับใช้ต่อไป เช่นเดียวกับประกาศ 2 ฉบับ  นอกจากนี้ ยังพิจารณกฎกระทรวงอีก 1 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา โดยในร่างกฎหมายจะระบุถึงการโฆษณา ฉลาก แบบของรายงาน โดยขณะนี้ได้ผ่านเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว จากนี้จะนำประกาศรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ต่อไป รวมถึงการพิจารณาเกี่ยวกับกรณีผู้รับอนุญาตเดิมตาย หากจะขอครอบครองต่อจะดำเนินการอย่างไร ปัจจุบันผ่านความเห็นชอบแล้วและจะเสนอให้ประธานคณะคณะกรรมการลงนามเพื่อประกาศใช้ต่อไป โดยสรุปการประชุมวันนี้กฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 7 ฉบับ ได้ผ่านการพิจารณาทั้งหมด

เลขาธิการ อย. กล่าวอีกว่า สำหรับกฎหมายลูก 7 ฉบับ ประกอบด้วย  1. ร่างกฎกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการขออนุญาต และการอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชา และยังอนุญาตให้สัตวแพทย์ใช้รักษาโรคในสัตว์เพิ่มเติมด้วย 2.ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย และหมอพื้นบ้านที่สามารถปรุงและสั่งจ่ายตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสม นอกจากนี้ยังอนุญาตให้สามารถใช้กัญชารักษาโรคได้ในสถานพยาบาลเอกชน ตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล 3. ร่างประกาศกระทรวงฯ เรื่องตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสม ที่อนุญาตให้เสพเพื่อรักษาโรคได้ เบื้องต้นอนุญาตไป 16 ตำรับ ทั้ง 3 ฉบับนี้จะเสนอให้รมว.ลงนามภายใน 1-2 สัปดาห์นี้

Advertisment

นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า 4. ร่างกฎกระทรวงฯ เรื่องการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการโฆษณายาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 เฉพาะกัญชา สามารถทำได้เฉพาะแพทย์เกี่ยวกับสรรพคุณ โรคที่ใช้ในการรักษาเท่านั้น ห้ามอวดอ้างเกินจริง ไม่เช่นนั้นจะมีโทษทั้งจำและปรับ 5. ร่างประกาศคณะกรรมการยาเสพติดฯ การแสดงความจำนงและการตรวจสอบผู้แสดงความจำนงเป็นผู้รับอนุญาต ตั้งแต่วันที่ผู้รับอนุญาตตาย พ.ศ…โดยให้ทายาทตามกฎหมายแพ่งและอาญาสามารถมาแจ้งรับช่วงต่อได้ตามระยะเวลาของใบอนุญาตเดิมเหลืออยู่ 6. ร่างประกาศคณะกรรมการยาเสพติด เรื่อง กำหนดแบบการจัดทำบัญชีรับ จ่าย และรายงานเกี่ยวกับการผลิต การนำเข้า การส่งออก การจำหน่าย การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดประเภท 5 เฉพาะกัญชา พ.ศ….และ 7. ร่างประกาศคกก.ยส. เรื่องกำหนดฉลากและเอกสารกำกับ ยส. 5 หรือคำเตือน หรือข้อควรระวังการใช้ที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อ ยส. 5 ที่ผลิต นำเข้า หรือส่งออกสำหรับยาแผนปัจจุบัน ซึ่งมีกัญชาปรุงผสมอยู่ พ.ศ….

ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้กฎหมายที่เกี่ยวกับการโฆษณายังไม่ประกาศใช้ แต่ปัจจุบันมีผู้แอบอ้างสรรพคุณและเริ่มโฆษณาบ้างแล้ว นพ.ธเรศ กล่าวว่า หากมีจัดงานหรือประชุมที่เกี่ยวข้องกับทางวิชาการ เช่น การพูดถึงโทษและประโยชน์ ผลวิจัยศึกษา ฯลฯ ไม่ได้เป็นข้อห้าม ซึ่งเป็นการเผยแพร่ความรู้ที่จะสามารถทำได้ แต่หากเป็นการจัดงานเพื่อโฆษณาสินค้า อวดอ้างสรรพคุณและโชว์การใช้กัญชา โดยดังกล่าวถือเป็นการดำเนินการผิดกฎหมาย ส่วนการนำต้นกัญชามาจัดโชว์ภายในงานจะต้องได้รับอนุญาตในเรื่องของนวัตกรรม ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีต้นกัญชาใดถูกกฎหมาย

นพ.ธเนศ กล่าวถึงจำนวนผู้เข้ามาแจ้งครอบครองกัญชา ปัจจุบันมีผู้สอบถามเข้ามาจำนวนมากกว่า 3,000 ราย ขณะที่ผู้แจ้งครอบครอง ขณะนี้มีจำนวนราว 100 ราย โดยข้อมูลการแจ้งครอบครองนับเป็นประโยชน์อย่างมากเพื่อให้ผู้ผลิตนำฐานข้อมูลมาใช้ในการผลิตและปริมาณการผลิตที่จำเป็นต่อผู้ป่วย นอกจากนี้ ขอย้ำไปยังผู้ครอบครอง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยสาระสำคัญคือ ผู้ที่เข้ามาแจ้งจะไม่ได้รับโทษและจะได้รับอนุญาตในการใช้กัญชาเพื่อรักษาต่อไปตามที่ผู้ครอบครองแจ้ง รวมทั้งข้อมูลการแจ้งจะเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการผลิตเพื่อกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ต่อไป ซึ่งวิธีการแจ้งเพียงผู้ครอบครองมีใบรับรองทางการแพทย์ว่าป่วยจริงที่ออกโดยสถานพยาบาลรัฐและเอกชน โดยระหว่างนี้ผู้ที่ครอบครองไม่ต้องกังวลว่าจะได้ถูกจับกุม เพียงแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชาและอยู่ระหว่างการแจ้งครอบครอง

 

Advertisment

 

ที่มา  มติชนออนไลน์