‘อีสต์วอเตอร์’ ประกาศเตรียมความพร้อม รับมือปัญหาภัยแล้งปี2563

‘อีสต์วอเตอร์’ ประกาศเตรียมความพร้อม รับมือปัญหาภัยแล้งปี2563 เดินหน้าประสานงานรัฐ-เอกชน ลุย 5 โครงการ คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำเฉลี่ย308 ล้าน ลบ.ม.

ผู้สื่อข่าว”ประชาชาติธุรกิจ” บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เตรียมความพร้อมรองรับปัญหาภัยแล้งในปี 2563 โดยประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการรองรับแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ทั้งกรมชลประทาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปีนี้สถานการณ์ภัยแล้งค่อนข้างท้าทายกว่าทุกปี เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำต่ำกว่าปีก่อน

สำหรับมาตรการ ที่อีสท์ วอเตอร์ เตรียมเพื่อรองรับ ประกอบด้วย 1. บริหารควบคุมการใช้น้ำลูกค้าทุกพื้นที่ลดลง 10% เริ่มดำเนินการภายใน 15 ธ.ค. 2562 โดยเบื้องต้นขอให้เข้าเจรจากับลูกค้าก่อนนำส่งหนังสือควบคุมการใช้น้ำ 2. การจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมจากบ่อดินเอกชนเข้ามาเสริมในพื้นที่ชลบุรีและฉะเชิงเทรา

3. โครงการก่อสร้าง และปรับปรุงสถานีสูบน้ำ 5 โครงการ คือ โครงการเชื่อมท่ออ่างเก็บน้ำประแสร์ – อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ กับเชื่อมท่ออ่างเก็บน้ำประแสร์ -อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล,โครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำฉะเชิงเทรา (คลองเขื่อน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง

โครงการเพิ่มปริมาณการจ่ายน้ำท่อหนองปลาไหล-หนองค้อ,โครงการก่อสร้างสระสำรองน้ำดิบทับมา และโครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน

Advertisment

ในส่วนของปริมาณความต้องการใช้น้ำของลูกค้าอีสท์ วอเตอร์ ตั้งแต่ พฤศจิกายน 2562 – ตุลาคม 2563 มีปริมาณเฉลี่ย 308 ล้าน ลบ.ม. โดยมีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการสูบผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงลงอ่างเก็บน้ำบางพระ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจาก 2 แสน ลบ.ม. ต่อวัน เป็น 3 แสน ลบ.ม. ต่อวัน ซึ่งจะมีปริมาณเพียงพอในการส่งกลับไปยังพื้นที่ฉะเชิงเทราในช่วงฤดูแล้ง โครงการก่อสร้างสระสำรองน้ำดิบทับมา คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 มีความจุ 12 ล้าน ลบ.ม. มีศักยภาพในการใช้น้ำ 12-40 ล้าน ลบ.ม. เพื่อส่งจ่ายให้กับผู้ใช้น้ำในจังหวัดระยอง

พร้อมกันนี้ได้มีแนวคิดนำเสนอหลักปฏิบัติการใช้น้ำรูปแบบใหม่ ด้วยการสื่อสารผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า “URD” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ออกแบบมาเป็นหลักปฏิบัติให้กับทุกภาคส่วนประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็นครัวเรือน เกษตรกรรม หรืออุตสาหกรรม ให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างถูกต้อง ส่งผลไปสู่การใช้น้ำที่พอดี สู่การใช้น้ำอย่างยั่งยืนการสร้างแนวคิดการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ผ่านแคมเปญ “URD” เพื่อช่วยให้ทรัพยากรน้ำเกิดความยั่งยืน และบรรเทาความรุนแรงของวิกฤตการณ์น้ำในด้านต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยหลักปฏิบัติ 3 ส่วน คือ คุ้มค่า, คาดการณ์, ควบคุม

ส่วนที่ 1 คุ้มค่า ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าสู่ความยั่งยืน โดยดึงหลักการของการ reduce, reuse, recycle เข้ามาช่วย (U) ส่วนที่ 2 คาดการณ์ มีการจัดสรรน้ำและสำรองน้ำไว้ใช้ เพื่อใช้อย่างพอเพียงและเพียงพอต่อปริมาณน้ำที่มีการจัดสรรไว้อย่างระมัดระวัง (R) ส่วนที่ 3 ควบคุม มีการวางแผนใช้น้ำให้พอดีกับพฤติกรรมการใช้น้ำของตนเอง เพื่อที่จะไม่ก่อให้เกิดการเสียสมดุลของการใช้น้ำในแต่ละเดือนจนส่งผลกระทบถึงแหล่งน้ำ (D) เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำของประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต และรองรับการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะนำไปสู่ความมั่นคงด้านน้ำของประเทศ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและมีน้ำเพียงพอเพื่ออนาคตข้างหน้าอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ อีสท์ วอเตอร์ เสนอโครงการ “สะกิดไทย ใส่ใจน้ำ” ตามแนวคิดเพื่อชวนให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรน้ำ ผ่านหลักปฏิบัติเพื่อให้เกิดความยั่งยืน และบรรเทาวิกฤตการณ์น้ำต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมุ่งมั่นสร้างพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและร่วมมือกันในทุกภาคส่วน

Advertisment