กสทช.เดินหน้าแผนประมูลวงโคจรดาวเทียมรอบใหม่

ประมูลดาวเทียมฉบับใหม่

กสทช.เปิดร่างหลักเกณฑ์การประมูลดาวเทียมฉบับใหม่ เพิ่มจาก 4 เป็น 5 ชุด ขยับราคาประมูลตั้งต้นชุดที่ 2 และ 3 เป็น 500 ล้านบาท เตรียมกดปุ่มเปิดประมูลสิทธิการเข้าใช้วงโคจรภายในเดือนธันวาคมนี้

วันที่ 30 สิงหาคม 2565 สำนักงาน กสทช.เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนทั่วไปต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package) (ฉบับแก้ไขปรับปรุง) ที่มีการปรับปรุงจากครั้งที่แล้ว เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมแข่งขันเพียงรายเดียว จึงทำให้ต้องยกเลิกการประมูลไป

พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง เปิดเผยว่า หลักเกณฑ์ใหม่นี้ กสทช.ได้ร่วมกันปรับปรุงเพื่อให้เอื้อต่อการเข้าร่วมแข่งขัน โดยการเพิ่ม Package จากเดิม 4 ชุดเป็น 5 ชุด เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมที่สุดต่อผู้ประกอบการรายใหม่ ในด้านความคุ้มค่าในการลงทุน และสนองตอบต่อความต้องการของผู้เข้าร่วมการคัดเลือก รวมถึงทำให้มีความเป็นไปได้ในการรักษาสิทธิข่ายงานดาวเทียมและตำแหน่งวงโคจรของประเทศไทยที่มีสิทธิอยู่เดิมให้ได้มากที่สุด รวมทั้งมีการผ่อนคลายคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการคัดเลือกในแต่ละชุดที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เพื่อให้เกิดผู้เล่นรายใหม่มากขึ้น

นอกจากจะมีการปรับหลักเกณฑ์ วิธีการคัดเลือก และเงื่อนไขการพิจารณาคัดเลือกผู้ขอใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียมให้เหมาะสมกับแต่ละ Package แล้ว ยังมีการปรับปรุงราคาขั้นต่ำของแต่ละ Package เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารให้สอดคล้องตามกลไกของตลาด และก่อให้เกิดการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมมากขึ้น

จึงมีการปรับปรุงการกำหนดราคาขั้นต่ำและทบทวนวิธีการคำนวณราคาขั้นต่ำของการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package) โดยกำหนดให้ราคาขั้นต่ำของการอนุญาตในแต่ละชุด กรณีที่มีผู้ขอรับใบอนุญาตใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมมากกว่า 1 ราย จะมีราคาขั้นต่ำต่ำกว่ากรณีที่มีผู้ขอรับใบอนุญาตใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมเพียงรายเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นมาตรการจูงใจให้มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันมากขึ้น

พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์กล่าวว่า มีผู้ประกอบการและผู้แสดงความกังวลหลายคนห่วงว่าราคาขั้นต่ำของการประมูลสูงกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะ Package ดาวเทียมชุดที่ 2 และ 3 ซึ่งเป็นชุดวงโคจรที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก โดยจากเดิม Package ดาวเทียมชุดที่ 2 มีราคาประมูลขั้นต่ำอยู่ที่ 366 ล้านบาท แบบใหม่ที่เรากำลังเสนออยู่นี้การประมูลขั้นต่ำคือ 503 ล้านบาท

“แต่ข้อกังวลเหล่านั้น อยู่บนสมมุติฐานว่ามีผู้เข้าประมูลเพียง 1 ราย เพราะหากมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1 ราย ราคาขั้นต่ำจะเหลือเพียง 360 ล้านบาท หรือถูกลง 23% และด้วยโครงข่ายดาวเทียมชุดที่ 2 และ 3 มีความต้องการใช้งานมาก ย่อมต้องเกิดการแข่งขันเพื่อประมูล เราได้ประเมินแล้วว่าวิธีการตั้งราคาขั้นต่ำเช่นนี้เอื้อต่อการแข่งขัน”

พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า สำหรับชุดโครงข่ายอื่น ๆ ที่ยังไม่มีใครใช้งานนั้น มีราคาขั้นต่ำที่เอื้อให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าถึงได้ง่าย อย่างชุดที่ 4 ราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 8 ล้านบาทเท่านั้นเอง แม้จะมีรายเดียวก็ตาม โดยราคาประมูลขั้นต่ำตามร่างหลักเกณฑ์ใหม่ตามแผนภาพข้างล่างนี้

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ นอกจากจะได้มีข้อเสนอในประเด็นเรื่องราคาที่ยังคงสูง ส่งผลต่อข้อจำกัดในการแข่งขันตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีข้อเสนอด้านความมั่นคงที่เสนอให้มีการใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน ด้านความมั่นคงและด้านธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายดาวเทียมแห่งชาติ ที่อยากให้ประเทศไทยมีดาวเทียมแห่งชาติเกิดขึ้น

แต่เพื่อความคุ้มค่าในการลงทุน จึงเสนอให้มีการแบ่งการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมดวงเดียวกันโดยมีการใช้ประโยชน์ทางด้านความมั่นคง และประโยชน์ทางด้านธุรกิจ แต่จะมีการแบ่งแยกการควบคุมที่ชัดเจน นั่นจะทำให้เกิดการใช้ประโยชน์จากสิทธิวงโคจรดาวเทียมอย่างคุ้มค่า นอกจากนั้น ยังมีข้อเสนอให้ กสทช. สร้างความเชื่อมั่น และกรอบระยะเวลาในการประมูลที่ชัดเจน

“หลังจากมีการรับฟังความคิดเห็นในวันนี้แล้ว คงมีการนำข้อคิดเห็นมาปรับปรุงหลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาตจากเดิม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดของ กสทช. นั้นยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อให้กิจการดาวเทียมสื่อสารของประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าต่อไป” พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์กล่าว

โดยขั้นตอนการประมูลดาวเทียมรอบใหม่นี้จะเกิดขึ้นหลังจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวผ่านการรับฟังความคิดเห็นในช่วงกลางเดือน ก.ย. 2565 จากนั้นทางสำนักงาน กสทช. จะปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำแล้วเสนอต่อบอร์ด กสทช. ช่วงต้นเดือน ต.ค. 2565 เพื่อพิจารณาและประกาศลงราชกิจจานุเบกษา จากนั้นจะมีช่วงว่างในเดือน พ.ย. 2565 เพื่อเตรียมประมูลจริงตามเป้าหมายที่วางไว้คือภายในเดือน ธ.ค. 2565 นี้