เอปสัน เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 2 รุ่นใหม่ รุกตลาดลูกค้าองค์กรต่อเนื่อง

เอปสัน

“เอปสัน” ตอกย้ำตำแหน่งเจ้าตลาด เปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น 2 รุ่นใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐ-เอกชน พร้อมเปิดตัว EcoFleet Management ซอฟต์แวร์จัดการงานพิมพ์ที่ซุ่มพัฒนามากว่า 2 ปี แก้ปัญหาการทำงานแบบแมนวล

วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย)​ จำกัด เปิดเผยว่า ข้อมูลของ International Data Corporation (IDC) ระบุว่า เอปสัน (Epson) ครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งในธุรกิจเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตเพื่อธุรกิจที่ 42%

นอกจากรักษาความเป็นผู้นำในตลาด บริษัทยังมีเป้าหมายในการนำเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตเข้าไปแทนที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสารในองค์กรต่าง ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่และเพิ่มจำนวนผู้ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนให้เติบโตยิ่งขึ้น ทั้งในภาคธุรกิจและราชการที่มีการกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนไว้

โดยเอปสันได้พัฒนากลไกสำคัญที่ช่วยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น จนได้โซลูชั่นที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการพิมพ์ภายในสำนักงานของลูกค้าและการให้บริการของพาร์ตเนอร์ ทั้งในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นระบบสำนักงาน (Office Automation) และผู้ให้บริการเช่าเครื่อง ซึ่งประกอบไปด้วย 3 กลไก ได้แก่

1.ไลน์อัพเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตเพื่อธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมที่สุด

Advertisment

2.ซอฟต์แวร์จัดการงานพิมพ์แบบครบวงจรสำหรับลูกค้า และงานแบ็กออฟฟิศของพาร์ตเนอร์

และ 3.แพ็กเกจบริการแบบสมาชิก (Subscription) ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย

ยรรยง มุนีมงคลทร
ยรรยง มุนีมงคลทร

“ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตเพื่อธุรกิจในตลาด 18 รุ่น แบ่งเป็นกลุ่ม EcoTank, WorkForce Pro และ WorkForce Enterprise มีทั้งเครื่องซิงเกิลฟังก์ชั่นและมัลติฟังก์ชั่น ทั้งพิมพ์สีและขาวดำ รองรับความเร็วในการพิมพ์ตั้งแต่ 24-100 หน้าต่อนาที ซึ่งการเปิดตัว WorkForce Enterprise AM-C400 และ AM-C550 จะช่วยเพิ่มไลน์อัพเป็น 20 รุ่น ตอกย้ำการเป็นแบรนด์เจ้าตลาดที่มีสินค้าให้เลือกใช้มากที่สุด”

ทั้งนี้ AM-C400 และ AM-C550 เป็นเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น 4 สี ขนาด A4 ที่มีความเร็วในการพิมพ์ 40 และ 55 หน้าต่อนาที ไม่ว่าจะพิมพ์ด้านเดียวหรือ 2 ด้าน ใช้ PrecisionCore Line Head รุ่นใหม่ที่ใช้การพ่นน้ำหมึกลงบนกระดาษที่วิ่งผ่านหัวพิมพ์นี้ไปด้วยความเร็วสูง ทำให้พิมพ์ได้เร็วขึ้นและจำนวนมากขึ้น ให้คุณภาพงานที่ดีขึ้น ทั้งยังประหยัดต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่น โดยหัวพิมพ์ใช้ Heat-free Technology ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ประหยัดค่าไฟและค่าซ่อมบำรุง

Advertisment

รวมถึงทางเดินกระดาษภายในเครื่องยังถูกออกแบบให้เรียบง่ายและมีระยะสั้น จึงจัดการกับปัญหากระดาษติดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้งาน ส่วนชุดหมึกเป็นแบบความจุสูง สามารถพิมพ์ขาวดำได้มากกว่า 31,000 แผ่น และพิมพ์สีได้ 28,000 แผ่น และทั้ง 2 รุ่นยังสามารถเพิ่มถาดใส่กระดาษได้มากสุด 4 ถาด บรรจุกระดาษได้ถึง 2,000 แผ่น ช่วยให้พิมพ์งานติดต่อกันได้นาน หรือเลือกใส่กระดาษที่มีขนาดต่างกัน เช่น A4 และ A5 สำหรับการใช้งานที่ต่างกันของแต่ละแผนกในองค์กร

นายยรรยงกล่าวต่อว่า ทุกวันนี้องค์กรทั้งภาคเอกชนและราชการยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องกับเครือข่ายการพิมพ์ภายในสำนักงานให้มีความทันสมัย พิมพ์งานได้ในปริมาณมากและมีความหลากหลาย จากความต้องการของแต่ละแผนก รวมถึงต้องมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้เอปสันต้องพัฒนาสินค้าเข้ามาเติมในพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม

“เครื่อง AM-C400 และ AM-C550 ที่เพิ่งเปิดตัวไป มีเป้าหมายในการเข้าถึงลูกค้าบริษัทธุรกิจ หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล ศูนย์การค้า และสถาบันศึกษาที่มีแผนกต่าง ๆ ซึ่งต้องการใช้เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น เน้นที่ความเร็วตั้งแต่ 31 หน้าต่อนาทีขึ้นไป และเน้นพิมพ์งานขนาด A4 และ A5 ปริมาณมาก ซึ่งแยกจากแผนกที่ต้องใช้เครื่องพิมพ์ขนาด A3 อย่างชัดเจน”

นอกจากนี้ เอปสันยังได้เปิดตัว EcoFleet Management ซอฟต์แวร์จัดการเครือข่ายเครื่องพิมพ์ที่ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการพัฒนาขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พาร์ตเนอร์ Office Automation และแก้ปัญหาการทำงานแบบแมนวล ผ่านการทำงานเป็น 4 โมดูล ได้แก่

1.ฟังก์ชั่นการจัดเก็บข้อมูลบัญชีรายชื่อลูกค้า รายการเครื่องพิมพ์ และสัญญาเช่าของลูกค้าแต่ละรายแบบรวมศูนย์ (Centralized) ช่วยในการค้นหาและนำข้อมูลมาใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

2.ฟังก์ชั่นมอนิเตอร์การทำงานของเครื่องพิมพ์และปริมาณหมึกแบบเรียลไทม์ ที่ทำให้เจ้าหน้าที่รู้ล่วงหน้าถึงปัญหาและสามารถเข้าแก้ไขได้ทันที หรือนำชุดหมึกเข้าไปเติมให้กับลูกค้าตามพฤติกรรมการใช้งานจริงของลูกค้าแต่ละราย

3.ฟังก์ชั่นการออกใบแจ้งหนี้อัตโนมัติเมื่อถึงกำหนดของลูกค้าแต่ละราย

และ 4.ฟังก์ชั่นการออกรายงานในรูปแบบกราฟิก เพื่อประเมินสุขภาพและความเสี่ยงของธุรกิจจากรายได้และการเก็บเงินตามสัญญาแต่ละฉบับ

โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่เพิ่มเข้าไปเรื่อย ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับพาร์ตเนอร์เอปสันมากขึ้น เช่น การแจ้งเตือนอาการของเครื่องพิมพ์ผ่าน LINE เป็นต้น และในส่วนของแพ็กเกจการใช้งาน EcoFleet Management จะคิดเป็นระบบสมาชิกรายปี (Subscription License) เริ่มต้นที่ 200 บาทต่อเครื่อง

นายยรรยงกล่าวด้วยว่า กลไกสุดท้ายที่ช่วยให้เอปสันสามารถแข่งขันกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสารในตลาดองค์กรได้อย่างเต็มที่ คือโปรแกรมบริการแบบสมาชิก ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทั้งโปรแกรม EasyCare 360 เหมา เหมา ที่ผู้ใช้สามารถเหมาจ่ายเป็นรายเดือน และรับเครื่องที่ใช้อยู่ไปฟรี ๆ หลังหมดสัญญา และโปรแกรม EasyCare 360 Click Charged ที่ให้ผู้ใช้จ่ายค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง และสามารถเลือกทำสัญญาได้ทั้งแบบเช่าหรือเช่าซื้อ

“นอกจากกลไกทั้งหมดจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เอปสันขยายตลาดได้กว้างขึ้น ยังนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศการพิมพ์ของเอปสันในองค์กรธุรกิจ (Epson Printing Ecosystem) ซึ่งอยู่ในแผนสร้าง S-Curve ใหม่ของบริษัท ช่วยสร้างก้าวการเติบโตต่อไปและความโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง โดยเราตั้งเป้าที่จะเพิ่มการครองส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตเพื่อธุรกิจที่ 45% ทั้งยังมีส่วนช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ก้าวสู่การเป็น Green Office ได้เร็วยิ่งขึ้น”