คอลัมน์ สตาร์จอัพ ปัญหาทำกิน
มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
ระหว่าง “ความเป็นส่วนตัว” กับ “ความมั่นคงปลอดภัย” เราจะเลือกอะไร ?
หลายคนคุ้นกับคำถามนี้จากเวทีนางงามจักรวาลปีล่าสุด แต่การมีตัวเลือกให้ 2 ข้อ ไม่ได้แปลว่าเรามีสิทธิ “เลือก” เพราะในโลกที่ทุกอย่างเชื่อมโยงด้วยเทคโนโลยีแห่ง “อนาคต” สิ่งที่เรียกว่าความเป็น “ส่วนตัว” กลายเป็นแค่ความฟุ่มเฟือยแห่งโลก “อดีต” เท่านั้น
ต้องโทษตัวเราเองที่ทิ้งร่องรอยตัวตนบนโลกโซเชียลไว้เกลื่อนกลาด ทำให้ใคร ๆ ก็ขุดคุ้ยประวัติของเราได้จากอินเทอร์เน็ต แต่อย่างน้อยนักสืบไซเบอร์ยังไม่ไฮเทคถึงขนาด แค่เดินสวนกันก็บอกได้ทันทีว่าชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน อายุเท่าไร ทำงานอะไร
แต่เทคโนโลยีจดจำใบหน้า (facial recognition) ที่ขับเคลื่อนด้วย “ปัญญาประดิษฐ์” ทำได้และทำได้ดีจนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐในการ “สอดส่อง” “ดูแล” ประชากรเพื่อรักษา “ความสงบเรียบร้อย” และ “ความมั่นคงปลอดภัย”
แม้แต่ “อเมริกา” ผู้อ้างว่าเป็นตัวแทนโลกเสรีที่เคารพสิทธิส่วนบุคคลก็ใช้ facial recognition แพร่หลาย 1 ในสตาร์ตอัพที่เป็นเวนเดอร์หลักของรัฐบาลสหรัฐ คือ “Clearview AI”
จากรายงานของ The New York Times พบว่า มีหน่วยงานรัฐกว่า 600 แห่งในสหรัฐ ใช้แอปของ Clearview AI ในการติดตามตัวจับกุมคนร้าย จุดเด่น คือ มีดาต้าเบสรูปถ่ายคนกว่า 3 พันล้านรูป หากเจ้าหน้าที่สงสัยใครแค่ถ่ายรูปคนนั้นอัพโหลดขึ้นระบบ แอปจะหาคนที่มีใบหน้าใกล้เคียงในคลังภาพมาให้พร้อมระบุแหล่งที่มาเสร็จสรรพ
แหล่งข้อมูลหลัก คือ โซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น FB Twitter LinkedIn YouTube และเว็บไซต์อีกหลายล้านแห่ง
แม้หน่วยงานส่วนใหญ่จะไม่รู้ความเป็นมาของบริษัทนี้มากนัก แต่ยอมรับว่าแอปตัวนี้ช่วยจับคนร้ายมาได้หลายคดี เมื่อสื่อสืบที่มาของ Clearview ก็แปลกใจว่าที่อยู่ในเว็บของบริษัทเป็นที่อยู่ปลอม พนักงานคนเดียวที่พอมีตัวตนบนโลกออนไลน์ (LinkenIn) คือ ผู้จัดการฝ่ายขาย ชื่อ John Good พอสืบไปก็พบว่า เป็นชื่อปลอม ชื่อจริง คือ “ฮอน ทอน-แทต” หนุ่มหล่อวัย 31 ปี อดีตนายแบบเชื้อสายเวียดนาม-ออสเตรเลีย
หลังปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์เป็นเดือน ในที่สุด “ทอน-แทต” ยอมคุยกับนักข่าว ทำให้รู้ว่า Clearview AI มี “ริชาร์ด ชวาร์ทซ์” ที่ปรึกษาอดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์กคนดัง “รูดอล์ฟ จิวเลียนี” เป็นแบ็กอัพ และได้เงินทุนจาก “ปีเตอร์ ทีล” อภิมหาเศรษฐีและนักลงทุนตัวเบ้งที่ลงทุนในบริษัทใหญ่ ๆ ของโลกอย่าง “เฟซบุ๊ก และ Palantir”
“ทอน-แทต” อพยพจากออสเตรเลียมาซานฟรานซิสโกในปี 2007 หลังพัฒนาแอป 2-3 ตัวไม่ประสบความสำเร็จจึงอาศัยความหล่อ “เบนเข็ม” ไปเป็นนายแบบที่นิวยอร์กในปี 2016
วันดีคืนดีเจอ “ริชาร์ด” ในงานเปิดตัวหนังสือ คุยกันถูกคอจนตกลงพัฒนาเทคโนโลยี facial recognition ร่วมกัน “ริชาร์ด” รับผิดชอบค่าใช้จ่าย “ทอน-แทต” ฟอร์มทีมแล้วพัฒนาเทคโนโลยี
ปลายปี 2017 แอป Clearview AI พัฒนาสำเร็จ “ริชาร์ด” ใช้คอนเน็กชั่นนำเสนอแอปให้หน่วยงานรัฐทดลองใช้ฟรี ในเวลาเดียวกัน “ปีเตอร์ ทิล” เจียดเงิน 2 แสนเหรียญเป็นเงินก้นถุงก้อนแรก