“สงขลา” จี้รัฐไล่จับบุหรี่เถื่อนเกลื่อนเมือง

บุหรี่เถื่อน - ผู้ประกอบการร้านค้าบุหรี่ในจังหวัดสงขลาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่มีผู้นำเข้าบุหรี่หนีภาษีจำนวนมากเข้ามาตามชายแดนภาคใต้ และขายในราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่งกับภาษีที่ถูกกฎหมาย

สมาคมการค้ายาสูบครวญยอดขายบุหรี่วูบหนัก เหตุบุหรี่เถื่อนทะลักภาคใต้ ชี้ทำยอดเก็บภาษีรัฐลดฮวบ 30% ในช่วง 10 เดือน พร้อมวอนรัฐค่อยขยับภาษีอย่าก้าวกระโดด จาก 20% เป็น 40% ให้ค่อยปรับขึ้นทีละ 5-10% ทุกปี

นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า ทางสมาคมได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกโดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา ถึงความเรื้อรังของปัญหาบุหรี่หนีภาษีที่ไม่สามารถจะแก้ไขได้ เพราะร้านค้าบุหรี่หนีภาษีเปิดขายกันและขยายตัวเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี แม้ช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีการปิดด่านพรมแดนก็ตาม

รวมทั้งมีการรายงานข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่หนีภาษีจากต่างประเทศจะมีอยู่เป็นระยะ ๆ ก็ตาม แต่ร้านค้าที่ขายบุหรี่หนีภาษีก็ยังมีสินค้ามาขายได้ตลอดระยะเวลา และส่วนใหญ่เป็นบุหรี่ไม่มีแสตมป์ของกรมสรรพสามิต

“ย่อมหมายความว่าบุหรี่หนีภาษีที่จับกุมได้เป็นเพียงส่วนน้อย จึงให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สรรพสามิต ตำรวจ ต้องเน้นหนัก”

ข้อมูลการจัดเก็บภาษียาสูบของกรมสรรพสามิตระบุว่า บุหรี่ที่เสียภาษีสร้างรายได้ภาษีส่วนกลางให้รัฐบาล 67.4 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การค้าบุหรี่ถูกกฎหมายยังต้องเสียภาษีบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซองละ1.86 บาทด้วย โดยก่อนปี 2560 เคยสร้างรายได้ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศกว่า 3,000 ล้านบาท/ปี

แต่หลังจากการขึ้นภาษีบุหรี่ครั้งล่าสุดอย่างก้าวกระโดดเป็นประวัติการณ์ ทำให้รายได้ในส่วนนี้ลดลงเหลือเพียงไม่ถึง 2,500 ล้านบาท/ปีจากข้อมูลล่าสุดที่สมาคมได้รับจาก อบจ.สงขลาพบว่า รายได้ภาษีบุหรี่เก็บได้ลดลงทุกปี โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 อบจ.สงขลาเก็บภาษีจากการค้ายาสูบได้เพียง 8 ล้านบาท ต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 30% ซึ่งทาง อบจ.ทราบดีว่าเป็นผลจากการแพร่หลายของบุหรี่หนีภาษีในจังหวัด และคาดว่าในปีงบประมาณ 2564 อาจเก็บได้น้อยลงกว่านี้อีก

ก่อนหน้านี้ ทางสมาคมได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สงขลา ฯลฯ ให้ช่วยดูแลความเดือดร้อนของร้านค้ายาสูบ และช่วยประสานไปถึงหน่วยงานที่ดูแลให้มีการปราบปรามร้านค้าที่ขายบุหรี่หนีภาษี

และผู้ที่ลักลอบนำเข้าบุหรี่หนีภาษีให้เข้มข้นยิ่งขึ้น และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อมิให้ซ้ำเติมร้านค้าโชห่วยที่สุจริตในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และปกป้องรายได้ภาษีของภาครัฐในภาวะที่กระทรวงการคลังจำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณมหาศาลเพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

รายงานข่าวจากสมาคมการค้ายาสูบไทยเปิดเผยว่า สำหรับสมาคมสมาชิกประมาณ 1,200 ราย และแต่ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมประมาณ 500,000-600,000 ร้านโชห่วย ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อบุหรี่ติดแสตมป์ จากบุหรี่หนีภาษีที่สำคัญ คือระบบการเข้มงวดป้องกันปราบปรามบุหรี่หนีภาษี และบุหรี่หนีภาษีราคาถูกกว่า 3 เท่า จากบุหรี่ติดแสตมป์ไทยประมาณ 60 บาท/ซอง แต่บุหรี่หนีภาษีบางยี่ห้อราคาประมาณ 20-25 บาท/ซอง ที่จำหน่ายในพื้นที่ด้วยกัน

“สำหรับบุหรี่ไทยติดแสตมป์ที่กระทบหนักจะเป็นเมืองจังหวัดชายแดน สำหรับทางภาคใต้ตั้งแต่ จ.สงขลา สตูล ปัตตานี ฯลฯ”

“บุหรี่ติดแสตมป์ยอดขายมีรายได้ตกต่ำมาต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10 ปี และในระยะ 2-3 ปีมานี้ ยอดรายได้บุหรี่ที่ติดแสตมป์เฉพาะ จ.สงขลา ตกต่ำมาต่อเนื่องเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์/ปี”

แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของสมาชิกสมาคมอยากให้รัฐบาลมีมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันปราบปรามจับกุมที่ต่อเนื่อง ที่สำคัญ เรื่องภาษีบุหรี่รัฐบาลจะขยับจาก 20% เป็น 40% ที่เลื่อนเวลาออกไปเป็นปี 2564 อยากให้รัฐบาลขยับขึ้นภาษีประมาณ 5-10% ต่อปี ไม่ใช่ขยับขึ้นก้าวกระโดด เพราะการขยับขึ้นภาษีทุกครั้งจะกระทบผู้บริโภคจะหันไปหาบุหรี่หนีภาษีกันเพิ่มขึ้น

ด้านตัวแทนร้านค้าจำหน่ายบุหรี่จังหวัดสงขลากล่าวว่า ปัญหาบุหรี่หนีภาษีทุกวันนี้มีการขายในร้านค้าต่าง ๆ กันอย่างเสรี และขายกันในปริมาณมาก เนื่องจากมีราคาถูกกว่าบุหรี่เสียภาษีตามกฎหมายถึงครึ่งต่อครึ่ง

“จริงอยู่ที่มีการจับกุมอยู่บ้าง ช่วงไหนที่มีการจับกุมมาก บุหรี่หนีภาษีก็จะหายไป พอไม่มีข่าวการจับกุมก็จะกลับมาขายอีก วนเวียนกันอยู่แบบนี้ จึงต้องการให้ผู้ที่รับผิดชอบปราบปรามอย่างจริงจัง เพราะร้านค้าที่ขายบุหรี่ถูกกฎหมายได้รับผลกระทบอย่างหนัก”