อานิสงส์ยุค “เรวะ” ปลุกธุรกิจแดนปลาดิบคึกคัก

คอลัมน์ Market Move

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นับเป็นวันสำคัญของญี่ปุ่น เมื่อรัฐบาลได้ประกาศชื่อรัชสมัยใหม่ในชื่อ “เรวะ” (Reiwa) ซึ่งจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2562 เป็นต้นไป พร้อมกับการขึ้นครองราชย์เป็นพระจักรพรรดิของเจ้าชายนารุฮิโตะ โดยจะนับเป็นยุคเรวะที่ 1 แทนที่ยุค “เฮเซ” ซึ่งดำเนินมานาน 31 ปี

แน่นอนว่าเหตุการณ์สำคัญระดับนี้ย่อมเป็นโอกาสทองของภาคธุรกิจทั้งค้าปลีก ค้าส่ง และภาคบริการที่จะนำมาใช้เป็นจุดขายได้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นการเปลี่ยนโดยการสละราชสมบัติของพระจักรพรรดิ ต่างจากธรรมเนียมเดิมที่จะเปลี่ยนรัชสมัยต่อเมื่อพระจักรพรรดิองค์เดิมสิ้นพระชนม์ จึงสามารถสร้างบรรยากาศเฉลิมฉลองได้เต็มที่

สำนักข่าว “เดอะ เจแปนไทม์” รายงานว่า เพียงไม่กี่นาทีหลังรัฐบาลประกาศชื่อยุคใหม่อย่างเป็นทางการ ก็สามารถรับรู้ถึงความคึกคักจากเหตุการณ์นี้แล้ว โดยบริษัท “แคสเทม” เจ้าของโรงงานโลหะ ในเมืองฮิโรชิมาระบุว่าได้รับออร์เดอร์ผลิตแก้วเหล้าดีบุกพิมพ์ลายตัวอักษร “เรวะ” ภายหลังการประกาศเพียง 2 นาที 27 วินาทีเท่านั้น

นอกจากแคสเทมแล้วยังมีธุรกิจอื่น ๆ จำนวนมากที่ลอนช์แคมเปญรับกระแสนี้ ไม่ว่าจะเป็น “ทาคาชิมาย่า” เชนห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่เตรียมวางขายเสื้อผ้าสำหรับทารกและเหรียญที่ระลึกซึ่งมีลวดลายเป็นชื่อยุคเรวะและยุคเฮเซ เช่นเดียวกับเชนห้างสรรพสินค้า “โซโกแอนด์เซบุ” ที่ประกาศแจกเค้กถั่วแดงให้ลูกค้าตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.เป็นต้นไป หวังดึงดูดลูกค้า ขณะเดียวกันบริษัท “โทดัน” ผู้ผลิตปฏิทินรายใหญ่เริ่มเดินเครื่องผลิตปฏิทินตั้งโต๊ะแบบพิเศษสำหรับปีเรวะ

โดยมีเดือน พ.ค.เป็นเดือนแรกในปฏิทิน ส่วนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ “อเมซอน เจแปน” เตรียมจัดงานลดราคาช่วงกลางเดือน เม.ย.นี้ พร้อมหน้าเพจรวมสินค้าที่มีสัญลักษณ์ชื่อรัชสมัยทั้ง 2 อยู่ด้านธุรกิจบริการมีการคิดบริการใหม่ออกมาดึงดูดลูกค้าเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “นิปปอน แทรเวล เอเยนซี่” ตัวแทนจำหน่ายการท่องเที่ยวเก่าแก่ของญี่ปุ่นได้จองเหมารถไฟหัวกระสุนสายโอซากา-คิวชู เพื่อผลิตตั๋วที่ระลึกซึ่งจะมีชื่อยุคทั้ง 2 ยุคพิมพ์อยู่

ไม่เพียงแต่บริษัทใหญ่เท่านั้น แต่ธุรกิจขนาดกลาง-เล็กยังได้อานิสงส์จากเหตุการณ์นี้ด้วย เช่น บริษัทมัตสึชิมะ เซโคโด ผู้ผลิตตรายาง และร้านเครื่องเขียนในหลายเมืองได้รับออร์เดอร์ตรายางและสติ๊กเกอร์ตัวอักษรเรวะ จากหน่วยงานรัฐและเอกชนที่ต้องนำไปปั๊ม-ติดเพื่อแก้ไขแบบฟอร์มเอกสารและซองจดหมายยุคเฮเซที่สต๊อกเอาไว้

ร้านหนังสือและสำนักพิมพ์เป็นอีกธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ หลังผู้คนจำนวนมากต่างออกมาหาซื้อ “มังโยชู” (Manyoshu) หนังสือรวมบทกวีโบราณอายุกว่า 200 ปี จำนวนกว่า 4,500 บาท รวมความยาว 20 เล่ม ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ชื่อยุค “เรวะ” มาจากบทกลอนหนึ่งในเล่มที่ 5 ส่งผลให้มีออร์เดอร์เข้าไปยังร้านหนังสือทั่วประเทศ ในขณะที่หลายร้านเปิดเซ็กชั่นเฉพาะสำหรับหนังสือมังโยชูเพื่อรับดีมานด์ ด้านสำนักพิมพ์ต่างสั่งเพิ่มยอดพิมพ์หนังสือชุดนี้กันอย่างคึกคักเช่นกัน

ทั้งนี้ “โคยะ มิยามาเอะ” นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของบริษัทหลักทรัพย์เอสเอ็มบีซีนิโค คาดการณ์ว่า การเปลี่ยนรัชศกจะกระตุ้นการจับจ่ายช่วงหยุดยาว 10 วัน หรือ “โกลเด้นวีก” ตั้งแต่ 27 เม.ย.-6 พ.ค. จะมีเงินสะพัดถึง 3.77 แสนล้านเยนหรือ 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ความตื่นตัวนี้ยังมีความเสี่ยงแฝงอยู่เมื่อกลุ่มมิจฉาชีพต่างฉวยโอกาสนี้ก่อเหตุเช่นกัน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นได้ออกประกาศเตือนให้ประชาชนระวังเหตุต้มตุ๋นต่าง ๆ เช่น การแอบอ้างเป็น

เจ้าหน้าที่รัฐหรือธนาคารเพื่อขอข้อมูลส่วนตัวสำหรับอัพเดตฐานข้อมูลช่วงเปลี่ยนรัชศกใหม่ หลังหญิงชราวัย 80 ปีรายหนึ่งสูญเสียเงินถึง 1 ล้านเยน หลังนักต้มตุ๋นอ้างตัวเป็นพนักงานธนาคารโทรศัพท์มาขอรายละเอียดบัญชีเพื่ออัพเดต ในขณะที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ 2 รายใหญ่อย่าง เอ็นทีที โดโคโมและซอฟต์แบงก์เปิดเผยว่า มีการส่งอีเมล์หลอกลวงเรื่องโปรโมชั่นฉลองปีเรวะแพร่ระบาดในระบบเช่นกัน

จากนี้ต้องรอดูกันว่าการเปลี่ยนรัชศกครั้งแรกในรอบ 31 ปีของญี่ปุ่นครั้งนี้ จะสามารถกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายได้มากน้อยเพียงใด และแบรนด์สินค้า-บริการต่าง ๆ จะส่งแคมเปญเฉลิมฉลองรูปแบบใดออกมากันบ้าง