บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโตรอบ 4 ปี ไวไวเปิดเกมรุกตลาดพรีเมี่ยม

ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคึกคักหลังปัจจัยบวกเพียบ ทั้งรัฐอัดนโยบายชิม ช้อป ใช้ ปลุกกำลังซื้อบะหมี่นอกจากญี่ปุ่น เกาหลี และญี่ปุ่นบุกหนักดันตลาดรวมโตสูงสุดรอบ 4 ปี ไวไวเปิดเกมบุกตลาดพรีเมี่ยม ลอนช์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดชาม 2 รสชาติใหม่ ทุ่มงบฯไม่อั้น ลุยสื่อสารรอบทิศทั้งออนไลน์ อัดแคมเปญ โปรโมชั่นแน่น หวังเก็บส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม

นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยจะกลับมาเติบโตสูงสุดในรอบ 4 ปีที่มีอัตราการเติบโตเพียง 2-3% เท่านั้น โดยปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะโต 5% จากปีก่อน หรือมีมูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากโครงการชิม ช้อป ใช้ของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมาคึกคัก ประกอบกับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มพรีเมี่ยมชนิดถ้วยและชามที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการเข้ามาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่างประเทศ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น ซึ่งมีราคาสูงกว่าบะหมี่ไทย โดยมีราคาเฉลี่ย 30-60 บาท แต่ผู้บริโภคก็กล้าตัดสินใจซื้อเพราะต้องการทดลองรสชาติใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มที่เกิดขึ้นก็ช่วยกระตุ้นตลาดบะหมี่ได้อีกแรง พร้อมทั้งสร้างความคุ้นเคยให้กับโครงสร้างราคาใหม่ด้วย โดยปัจจุบันแบ่งสัดส่วนเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดซอง 80% ชนิดถ้วย 18% และชนิดชาม 2%

“ปีนี้ยอดขายของไวไวก็โตขึ้นโดยเฉพาะในช่องทางยี่ปั๊ว ร้านค้าในต่างจังหวัดซึ่งได้รับอานิสงส์จากมาตรการชิม ช้อป ใช้ ส่งผลให้ผู้บริโภคต่างจังหวัดออกมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีชีวิตเร่งรีบ ก็ทำให้กลุ่มอาหารพร้อมทานได้รับความนิยมสูงขึ้นตามไปด้วย”

ขณะเดียวกัน ผลจากการเติบโตของบะหมี่กลุ่มพรีเมี่ยมทำให้ไวไวกลับมารุกตลาดนี้อีกครั้ง ล่าสุดได้ลอนช์ผลิตภัณฑ์ไวไวชนิดชาม 2 รสชาติ ได้แก่ รสต้มยำ (สูตรดั้งเดิม) และหอยลายผัด ราคา 25 บาท จำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วไป เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับลูกค้ามากขึ้น

“ก่อนหน้านี้บริษัทลอนช์บะหมี่กลุ่มพรีเมี่ยมในราคา 10 บาทออกมาแล้ว แต่ผลตอบรับไม่ดีทำให้หยุดลงและเหลือเฉพาะรสชาติที่ได้รับความนิยมไว้เท่านั้น เช่น รสต้มยำกุ้ง สูตรดั้งเดิม เป็นต้น โดยวางจำหน่ายประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา เมียนมา เป็นต้น”

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 บริษัทจะเดินหน้าเจาะตลาดบะหมี่พรีเมี่ยมมากขึ้น ด้วยการพัฒนารสชาติใหม่ของบะหมี่ชนิดชาม และจะลอนช์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไวอีก 3 รสชาติ พร้อมเตรียมงบฯการตลาดอีก 10% ของยอดขายรวมเพื่อใช้ในการสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ด้วยการใช้อินฟลูเอนเซอร์เป็นตัวแทนในการสื่อสารถึงผู้บริโภคมากขึ้น ควบคู่กับการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นใหม่ ๆ ในช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกทั่วไปเพิ่มขึ้น เพื่อดึงความสนใจและกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้ปรับสูตรผลิตภัณฑ์ลดปริมาณโซเดียมให้ได้รับสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ 3 รสชาติ ได้แก่ ไวไว ปรุงสำเร็จ ไวไว รสหอยลายผัดฉ่า และรสชาติต้มยำกุ้ง สูตรดั้งเดิม เพื่อเตรียมรับมือกับนโยบายของภาครัฐที่จะพิจารณาเก็บภาษีความเค็มในอนาคตด้วย

นายยศสรัลตั้งเป้าหมายว่า ผลจากการรุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดชามครั้งนี้ จะทำให้ปี 2563 ไวไวมีส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้น 1% ของตลาด จากปัจจุบัน ไวไวมีส่วนแบ่งการตลาด 24% โดยมีมาม่าเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 50% ตามด้วยยำยำ 22% และแบรนด์อื่น ๆ 4%