“ซูเปอร์ซีเชฟ” รุกพร้อมทาน-ทูน่าปั้นรายได้

“ซูเปอร์ซีเชฟ” เดินหน้าเพิ่มรสชาติ-เมนูใหม่ เพิ่มความหลากหลาย แก้ปมตลาดปลากระป๋อง 8-9 พันล้านชะลอตัว พร้อมเพิ่มน้ำหนักรุกตลาดอาหารพร้อมทาน-ทูน่ากระป๋อง เพิ่มรายได้ เร่งจัดโปรโมชั่น-โรดโชว์ กระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง สิ้นปีโต 5-10% ลั่นขึ้นเบอร์ 1 ปลากระป๋องใน 3 ปี


นายอาชวิน โรจน์ชัยนินทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ซีแวลู จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลสำเร็จรูปและปลากระป๋อง ภายใต้แบรนด์ “ซูเปอร์ซีเชฟ” เปิดเผย

“ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา และการแข่งขันของตลาดปลากระป๋องที่มีสูงขึ้น รวมทั้งการแข่งขันจากอาหารประเภทอื่น ๆ อาทิ อาหารเรดี้ทูอี9 และอาหารแช่แข็ง ส่งผลทำให้ภาพรวมตลาดปลากระป๋องประเภทซอสมะเขือเทศมีมูลค่าประมาณ 8-9 พันล้านบาทอยู่ในภาวะชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนารสชาติและโปรดักต์ใหม่ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม จากสัญญาณที่เริ่มดีขึ้นในแง่ของยอดขายที่กระเตื้องขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี คาดว่าสำหรับปี 2563 นี้ตลาดปลากระป๋องมีแนวโน้มเติบโตได้ในระดับนึง แต่อาจจะไม่สูงมากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังมีความผันผวน

สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทจากนี้ไป จะโฟกัสที่ผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องและอาหารพร้อมทานเป็นหลัก ด้วยการพัฒนาเมนูและรสชาติใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาด โดยในส่วนกลยุทธ์หลักของปลากระป๋องซูเปอร์ซีเชฟยังคงรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รสชาติและขั้นตอนการผลิต เริ่มตั้งแต่การผสมซอส และการใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ และได้รับการรับรองมาตรฐาน MSC (Marine Stew-ardship Council) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ให้การรับรองในกลุ่มผู้ทำธุรกิจประมงและผู้ผลิตอาหารทะเล ส่วนผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารพร้อมทานที่เพิ่งลอนช์เข้าสู่ตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา ก็ได้เพิ่มเมนูใหม่ ปูผัดผงกะหรี่ และไข่พะโล้ เน้นจำหน่ายเฉพาะในช่องทางร้านค้ายี่ปั๊วเพื่อทดลองตลาดก่อน หลังจากนี้ จะทยอยลอนช์เมนูใหม่ ๆ เพิ่มอีก 2-3 เมนู และในอนาคตมีแผนจะนำเข้าไปวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดด้วย

นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มน้ำหนักการทำตลาดผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋องใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวในงานไทยเฟ็กซ์เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันมี 5 รสชาติประกอบด้วย ทูน่าสเต๊กในน้ำเกลือ ทูน่าสเต๊กในน้ำแร่ ทูน่าสเต๊กในน้ำมันมะกอก ทูน่าสเต๊กในน้ำมันถั่วเหลือง และทูน่าแซนด์วิชในน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งผลิตจากปลาทูน่าครีบเหลืองที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่เน้นในเรื่องของการดูแลสุขภาพ ควบคู่กับทำการตลาดตามจุดขาย และจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ จัดโรดโชว์ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับร้านค้า ค้าปลีกรายใหญ่ อาทิ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี เป็นต้น จากเดิมที่เน้นเฉพาะแม็คโครเท่านั้น

“ด้านตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในรูปแบบการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ร้านค้าส่งในประเทศแถบซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม ลาว เมียนมา รวมถึงจีน ญี่ปุ่น และขณะนี้มีลูกค้าบางรายต้องการนำแบรนด์ซูเปอร์ซีเชฟไปทำตลาดเอง ซึ่งบริษัทจะพิจารณา”

นายอาชวินกล่าวว่า ปี 2563 นี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 5-10% และตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของตลาดปลากระป๋องภายใน 3 ปี จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 22% จากปีที่ผ่านมาเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5% โดยมีสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขาย อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้หลักยังมาจากผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องในซอส 80% และทูน่ากระป๋องและอาหารพร้อมทาน 20% นอกจากนี้ บริษัทยังมีความได้เปรียบในเรื่องของวัตถุดิบ โดยเฉพาะปลาซาร์ดีนที่บริษัทนำเข้ามาจากประเทศจีนและญี่ปุ่นเป็นหลัก ตรงข้ามกับหลายแบรนด์ที่ประสบปัญหาเรื่องวัตถุดิบไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ผลิตหลายรายต้องเปลี่ยนไปใช้ปลาแมกเคอเรลแทน