“สยามพิวรรธน์”เปิด 4 ศูนย์ช่วยผู้ประกอบการสู้วิกฤตไวรัสโควิด

ช่วยคู่ค้า - สยามพิวรรธน์ นำร่องกิจกรรม "ตลาดนัดยิ้มสยาม" ให้ผู้ประกอบการ หรือ พนักงานที่ได้รับผลกระทบ นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายฟรี 24-28 มิถุนายน 2563

“สยามพิวรรธน์” เผย new normal หลังเปิดห้าง 2 อาทิตย์ ทราฟฟิกลดแต่ลูกค้าซื้อเพิ่มขึ้น กลุ่มบิวตี้ เครื่องใช้ไฟฟ้า สุขภาพ ได้รับความนิยมสูง คาดร้านค้ากลับมาเปิดเต็ม 100% ในเดือน มิ.ย.นี้ ก่อนส่งโมเดลธุรกิจใหม่ หนุนสร้าง “ระบบนิเวศค้าปลีก” นำร่อง 4 โครงการ เปิดพื้นที่ 4 ศูนย์ 2.7 หมื่น ตร.ม. พาผู้ประกอบการฝ่าวิกฤตโควิด-19

นางสาวชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ ทั้งสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ รวมถึงโครงการไอคอนสยาม ในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลมีมาตรการคลายล็อกให้กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งในวันที่ 17 พ.ค. พบว่า ภาพรวมของทราฟฟิกผู้มาใช้บริการลดลงไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ประมาณ 50% โดยได้รับผลกระทบหลัก ๆ มาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับมา

ขณะที่พฤติกรรมการช็อปปิ้งของคนไทยมีการเปลี่ยนไป โดยความปกติใหม่ (new normal) ที่เกิดขึ้นคือ คนใช้เวลาลดลงไม่เกิน 2 ชั่วโมงภายในศูนย์ และการมาศูนย์แต่ละครั้งมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนคือเพื่อซื้อสินค้า หรือบริการต่าง ๆ ทำให้คนจับจ่ายเพิ่มขึ้น และมียอดขายต่อบิลสูงขึ้น

โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สินค้าที่ผู้บริโภคต้องการทดลอง สัมผัส พูดคุยปรึกษากับพนักงานขาย เช่น สินค้ากลุ่มบิวตี้ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้ากลุ่มโฮม ตกแต่งบ้าน และสินค้าประเภทเฮลท์แอนด์เวลเนส เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น

สำหรับร้านค้าภายในศูนย์ ขณะนี้กลับมาเปิดแล้วมากกว่า 90% โดยส่วนที่เหลือ เช่น กลุ่มร้านอาหาร เนื่องจากพนักงานที่จะกลับมาทำงานอีกครั้งต้องผ่านการคัดกรอง หรือต้องกักตัว ตามมาตรการความปลอดภัย ก่อนที่จะเริ่มงาน ทั้งนี้คาดว่าร้านค้าต่าง ๆ จะกลับมาให้บริการครบ 100% ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้

อย่างไรก็ตาม หลายภาคส่วนยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่ ดังนั้น เพื่อช่วยให้ทุกภาคส่วน ทั้งพนักงาน ผู้ประกอบการรายย่อยที่ขาดรายได้ บริษัทจึงได้จัดทำแคมเปญ “I Love Siam-Smile Together” ซึ่งเป็นโมเดลการทำธุรกิจรีเทลแบบใหม่ ที่เรียกว่า “ระบบนิเวศค้าปลีก” สร้างความยั่งยืนตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

โดยการเปิดพื้นที่ของศูนย์การค้าทั้ง 4 แห่ง อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม รวมทั้งสิ้น 27,000 ตร.ม.ให้ขายของฟรี ซึ่งจะนำร่องด้วย 4 กิจกรรม ได้แก่ “ตลาดนัดยิ้มสยาม” เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง นำสินค้าเข้ามาจำหน่าย โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 24-28 มิถุนายน 2563 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ และวันที่ 1-5 กรกฎาคม 2563 ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามได้ที่ Line Official  Account @RoyalParagonHall และ @TrueIconHall ส่วนวันเวลาในการจัดกิจกรรมนั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับมาตรการคลายล็อกของรัฐบาลอีกที

นอกจากนี้ยังมีโครงการ “Siam Smile Space” นำพื้นที่ของศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ ได้แก่ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และโครงการไอคอนสยาม เปิดโคเวิร์กกิ้งสเปซ ให้สามารถเข้ามาทำงานได้ โดยมีบริการอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ไฟฟ้ารองรับ ภายใต้มาตรการดูแลด้านสุขอนามัยอย่างเข้มข้น ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป

ตลอดจนโครงการ “ฟื้นใจไทย” ให้พื้นที่บุคคลทั่วไป เกษตรกร วิสาหกิจชุมชนอัตลักษณ์ไทย 77 จังหวัด ฯลฯ ได้หมุนเวียนมาจัดจำหน่ายสินค้ารอบละ 7-10 วัน เช่น ธนบุรีดีไลท์ ให้ชุมชนฝั่งธนบุรี อาหารพื้นถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น หมุนเวียนมาจำหน่ายทุกสัปดาห์ ลานเมือง 1 ให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สินค้าโอท็อปจาก 77 จังหวัด ลานเมือง 2 ให้เกษตรกรผลไม้แก้ปัญหาสินค้าล้นตลาด และผลไม้ที่ไม่สามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2563 เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G

และสุดท้าย โครงการ “ไทยช่วยไทย ยิ้มไปด้วยกัน” ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำผลไม้และสินค้าอุปโภคบริโภคจากชาวสวนและผู้ผลิตทั่วประเทศ มาจำหน่ายที่ลานพาร์คพารากอน ในเดือนกรกฎาคม 2563 นี้

“สยามพิวรรธน์มองว่า การสร้างระบบนิเวศค้าปลีกที่เป็นการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน (cocreation) จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง” นางสาวชนิสากล่าวสรุป