เมก้าคาดโควิดปลุกดีมานด์ยา ทุ่ม 460 ล้าน ผุด 3 โรงงาน

วิเวก ดาวัน

ดีมานด์ตลาดยา-ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโต หลังวิกฤตโควิด-19 “เมก้า” เปิดเกมรุกเพิ่มแคทิกอรี่ผลิตภัณฑ์ยา-วิตามินเสริมอาหาร เดินหน้าทุ่มงบฯ 460 ล้านสร้างโรงงานผลิตยาในไทย พม่า อินโดนีเซีย หนุนระบบโลจิสติกส์ ตั้งเป้าสิ้นปีสร้างยอดขายโต 5-10%

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเภสัชกรรมและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพภายใต้แบรนด์ “Mega We Care” เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 19% หรือประมาณ 3,077 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 323 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรายได้แบ่งเป็นธุรกิจผลิตภัณฑ์เมก้า วีแคร์ 1,426 ล้านบาท และธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Maxxcare 1,602 ล้านบาท ส่วนการเติบโตส่วนใหญ่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกาที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ตลอดจนการเข้าไปบุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ยาในอินโดนีเซีย

เช่นเดียวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์วิตามินและยาเพื่อสุขภาพ รวมถึงโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้สต๊อกสินค้าทั้งยาและวิตามินเพื่อสำรองไว้ใช้ในยามวิกฤต ทำให้ภาพรวมธุรกิจสามารถเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับทิศทางการดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาและวิตามินอาหารเสริมเพิ่มประมาณ 4-5 รายการ จากปัจจุบันมียาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประมาณ 70 รายการ และมีแผนต่อยอดเพิ่มสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มสุขภาพ Natural We Care เพราะมองว่าความต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และสิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไปคือ ต้องสต๊อกสินค้าและนำเข้าวัตถุดิบจากหลาย ๆ ประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่คาดว่าจะมีไปจนถึงสิ้นปี หรือราว 6-8 เดือน

นายวิเวกกล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลังคาดการณ์ว่า แนวโน้มตลาดยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในไทยจะมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามิน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น แม้สถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายแล้วก็ตาม แต่อัตราการใช้ยารักษาโรค และวิตามินต่าง ๆ ยังสามารถสร้างยอดขายได้ ส่วนกลุ่มสินค้าสำหรับดูแลผิว ลดน้ำหนัก ยอดขายอาจจะยังน้อย และต่อจากนี้ความต้องการสินค้าบางกลุ่มอาจจะลดลง และบางกลุ่มจะเพิ่มขึ้น

Advertisment

ขณะเดียวกัน ในปีนี้ได้ทุ่มงบประมาณ 460 ล้านบาท ลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตยารูปแบบใหม่ แบ่งเป็นการลงทุนทั้งในไทย พม่าและอินโดนีเซีย เพื่อตั้งเป็นศูนย์กระจายสินค้าเพื่อสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ และบริการอื่น ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมี 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ เมก้า วีแคร์ ผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ยาตามใบสั่งแพทย์ และผลิตภัณฑ์ยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ โดยจะส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทวีปแอฟริกา อีกหนึ่งกลุ่มคือ MaxxcareTM อยู่ในรูปแบบการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาตามใบสั่งแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ส่งออกไป 3 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งลูกค้าในกลุ่มธุรกิจนี้มีทั้งบริษัทยา และบริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค จากนี้ไปบริษัทมีเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะขยายไปในทวีปแอฟริกา โดยการเติบโตจะอยู่ในรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนกับพาร์ตเนอร์เพื่อวางกลยุทธ์ร่วมกัน ตลอดจนการเข้าซื้อกิจการในพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีโอกาสการเติบโต และสิ้นปีนี้ตั้งเป้าสร้างยอดขายเติบโต 5-10%