สัมภาษณ์
หลังจาก “โดมิโน่ พิซซ่า” เปลี่ยนมือจากเจ้าของ บริษัท โดมิโน่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด มาอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจร้านอาหารหลากหลายประเภท ทั้งขนมอบภายใต้แบรนด์ Bake Cheese Tart, Zakuzaku Croquant Chou และ RAPL, ร้านอาหารชาบูบุฟเฟต์สไตล์ญี่ปุ่นแบรนด์ Kagonoya, ร้านอาหาร Crepes & Co. และ Le Boeuf เมื่อช่วงกลางปี 2563 แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอาจจะยังไม่เอื้อให้โดมิโน่ พิซซ่า สามารถเปิดเกมรุกได้เท่าที่ควร
- ครม.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐา-เพื่อไทย รุกแก้เศรษฐกิจ
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 2 พ.ค. 2567
- รมว.อุตสาหกรรม จี้ปลัดรู้ก่อน อธิบดีกรมโรงงานฯ ลาออก ไม่รายงาน
ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “ศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์” กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะมาสเตอร์แฟรนไชส์ “โดมิโน่ พิซซ่า” ที่ปัจจุบันมีสาขา 30 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ดังนี้
Q : การปรับตัวหลัง “โดมิโน่ พิซซ่า” เปลี่ยนมือรอบใหม่
ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดรวมนับแสนล้านบาท ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นหรือขาลง อาหารก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสการเติบโต
โดมิโน่ฯถือเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมาก และอยู่อันดับต้น ๆ ของธุรกิจ quick service restaurant ในต่างประเทศ แต่สำหรับในไทย ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเพราะอาจจะยังไม่เข้าใจพฤติกรรมคนไทยดีพอ ประกอบกับตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์พิซซ่าด้วยกันเอง แต่รวมไปถึงร้านอาหารบริการด่วนที่เข้ามาเป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น
หลักจากที่บริษัทได้ซื้อแฟรนไชส์มา เราพยายามปรับภาพลักษณ์โดมิโน่ฯใหม่ ให้ดูทันสมัยและดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้าร้าน และต้องสอดคล้องกับโดมิโน่ฯที่เห็นในต่างประเทศ ที่เน้นให้ความสำคัญ competency คือ การเน้นบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ทำให้เป็นร้านพิซซ่าที่ได้รับความนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกา มียอดขาย (global retail sales) สูงถึง 14.3 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2562 ได้รับ market share ของตลาดพิซซ่า QSR ส่วนในไทยปัจจุบันยังแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องการโปรโมตแบรนด์จะตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องเน้นเรื่องโปรโมชั่นเป็นหลัก แต่จะหันมาเน้นรสชาติพิซซ่า ราคาจับต้องได้
ปัจจุบันภาพตลาดพิซซ่ามีมูลค่าตลาดรวมมีประมาณ 15,000 ล้านบาท มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น โจทย์ของโดมิโน่ฯจึงต้องพยายามสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ซึ่งจะเห็นภาพที่ชัดเจนในปี 2564 นี้
Q : กลยุทธ์ของทางการตลาดของโดมิโน่ พิซซ่า
ช่วงที่บริษัทรับโอนโดมิโน่ พิซซ่ามา ตอนนั้นพบว่าอยู่ในภาวะขาดทุน จากนั้นใช้เวลาระยะหนึ่งในการแก้จุดอ่อนและเสริมจุดแข็ง จนปัจจุบันเข้าที่เข้าทางแล้ว โดยในเฟสถัดไปจะเป็นการเปิดสาขาเพิ่มให้ครอบคลุมฐานลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ หากดำเนินแล้วเสร็จตามแผนในช่วงไตรมาส 4 ก็คาดว่าจะพาธุรกิจผ่านจุดคุ้มทุนได้
โดมิโน่ พิซซ่า จะเป็นเรือธงในการสร้างรายได้ของบริษัท ภายใต้กลยุทธ์สำคัญ คือ การเพิ่มน้ำหนักการสั่งกลับบ้านและดีลิเวอรี่ ไม่ว่าผู้บริโภคจะอยู่ที่ไหน ก็มีโอกาสรับประทานพิซซ่าได้สะดวกและรวดเร็ว จึงเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มระบบการส่ง เริ่มตั้งแต่ระบบโอเปอเรชั่น แคมเปญ มาร์เก็ตติ้งต่าง ๆ ให้เหมาะสม ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อตอบโจทย์ pain point ของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ทั้งการใช้เทคโนโลยีส่งให้เร็วขึ้น และที่สำคัญพิซซ่าต้องมีรสชาติและมาตรฐานให้เหมือนจากหน้าร้าน
ปัจจุบันรูปแบบการส่ง จะส่งผ่านระบบดีลิเวอรี่ของบริษัทเอง ไม่ได้เข้าร่วมกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยเรากำหนดเวลาส่งต่ำกว่า 30 นาที ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากช่องทางดีลิเวอรี่เพิ่มขึ้นมากกว่า 40%
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรายังมีจำนวนสาขาที่ไม่มากนัก จึงทำให้ยังมีข้อจำกัดในเรื่องบริการดีลิเวอรี่อยู่พอสมควร แต่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีแผนและเตรียมจะขยายสาขาโดมิโน่ พิซซ่าอีกประมาณ 20 แห่ง เพื่อช่วยให้ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น โดยหลัก ๆ จะมุ่งการเปิดสาขาในพื้นที่ชุมชนที่มีลูกค้าเป้าหมาย นอกจากนี้ก็จะเริ่มทยอยรีโนเวตสาขาเดิมให้ทันสมัยขึ้น เริ่มตั้งแต่การปรับหน้าร้านใหม่ เปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องใช้ทั้งหมด
ขณะเดียวกัน จากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เห็นได้จากวิกฤตโควิดที่ลากยาวตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ลูกค้าเข้าใช้บริการที่ร้านลดลง ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ เช่นเดียวกับโดมิโน่ฯ เปิดให้บริการในรูปแบบ Delco ที่เน้นการซื้อกลับไปกินที่บ้านและดีลิเวอรี่เป็นหลัก และทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
Q : ธุรกิจอื่น ๆ ในพอร์ตปรับตัวอย่างไร
สำหรับแบรนด์อื่น ๆ ในพอร์ต วันนี้ได้พัฒนาให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้าที่เข้าทางมากขึ้น เริ่มจากกลุ่มธุรกิจขนม ภายใต้แบรนด์ Bake, Zaku Zaku และ Rapl มองว่าร้านขนมในกลุ่มนี้มี platform system ที่มีความ unique สูง ทั้งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมาก มีระบบการจัดการร้านที่ดี จึงมั่นใจว่าเราสามารถพัฒนาและต่อยอดร้านขนมสไตล์อื่น ๆ ต่อไปได้อีก สำหรับในช่วงโควิด จึงมีการปรับกลยุทธ์โดยการปรับราคาสินค้าเพื่อจูงใจผู้บริโภค ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ
นอกจากนี้ยังมีอีกกลุ่มธุรกิจ คือ ชาบู คาโกะโนยะ ปัจจุบันมี 9 สาขา ตอนนี้กลับมาเปิดให้บริการนั่งทานได้แล้ว ยอดขายเริ่มกลับมาประมาณ 60% และยังมีร้าน Le Boeuf ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยหลังสวน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2558 ร้านสเต๊กที่มีจุดขายคือ เนื้อวัว แซลมอน เนื้อแกะ และจุดขายที่สำคัญคือ ซอส Cafe de Paris ซึ่งเป็นซอสสูตรจากเจนีวา ตามด้วยแบรนด์ Crepes & Co. ซึ่งเป็นร้านเครปสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งเรามองว่าแบรนด์มีศักยภาพที่จะเป็น regional own brand ในการเปิดสาขาในต่างประเทศได้ สำหรับในไทยมี 2 สาขา วันนี้แม้เรือธงหลักจะโฟกัสไปที่แบรนด์โดมิโน่ พิซซ่า แต่ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาทุก ๆ แบรนด์ควบคู่กันไป เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น โดยพิจารณาจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
ต้องจับตาว่า หลังจากได้สิทธิในการบริหารร้านโดมิโน่ พิซซ่า มาพร้อมกับวิกฤตโควิดที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค จากนี้ “วาว แฟคเตอร์” จะสามารถฝ่าด่านมรสุมไปได้หรือไม่