แอสตัน มาร์ติน Valhalla พลังไฮบริด 937 แรงม้า

เวทีรถใหม่

แอสตัน มาร์ติน ปีนี้มีอายุครบ 108 ปี ได้ฤกษ์เปิดผ้าคลุมซูเปอร์คาร์คันล่าสุด

โดยเป็นรถโปรดักชั่นคันแรกของค่ายที่เป็นรูปแบบเครื่องยนต์วางกลาง

Valhalla นำระบบ plug-in hybrid มาใช้จากเดิมที่ตั้งใจใช้เครื่องยนต์ V6

มาเป็นเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ ให้กำลังถึง 740 แรงม้าที่ 7,200 รอบ/นาที

พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เพิ่มกำลังเข้าไปอีก 201 แรงม้า

ทำให้แอสตัน มาร์ติน Valhalla มีพละกำลังรวมทั้งหมด 937 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แค่ 2.5 วินาที และทำท็อปสปีดได้ถึง 349 กม./ชม.

สำหรับโหมด EV ตัวส่งกำลังจะเป็นเพียงมอเตอร์ไฟฟ้าเพียว ๆ สามารถขับได้ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม.

ขับได้ไกลถึง 9 ไมล์ ที่สำคัญเวลาถอยหลังจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวเท่านั้น

นอกจากขุมพลังและระบบขับเคลื่อนที่ถือเป็นของใหม่แล้ว อีกสิ่งที่ถือเป็นของใหม่สำหรับ Aston Martin

ก็คือแชสซีใหม่ที่สร้างขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อความแข็งแกร่งและน้ำหนักที่เบาสุด ๆ

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบนติดตั้งโช้กอัพ+สปริงแนวนอน แบบเดียวกับรถแข่ง F1

ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์และใช้โช้กอัพ+สปริงแนวนอนเช่นเดียวกัน

ระบบเบรกเป็นคาร์บอน-เซรามิก เหมือนที่ใช้ใน F1 เป๊ะ ๆ

ล้อหน้าใช้ขนาด 20 นิ้ว ส่วนล้อหลังขนาด 21 นิ้ว

พร้อมยาง Michelin เกรดพิเศษ

ในโหมด track ความสูงของรถจะถูกปรับให้ต่ำลงโดยอัตโนมัติ

ทำงานร่วมกับชุดพาร์ตตัวถังที่ช่วยเรื่องแอโรไดนามิกเพิ่มแรงกดให้กับตัวรถให้เกาะติดถนนในขณะใช้ความเร็วสูง

ที่ความเร็ว 240 กม./ชม. จะมีแรงกด ถึง 600 กก. เลยทีเดียว

ความหรูหรามีครบอุปกรณ์ต่าง ๆ ยังคงโฟกัสที่คนขับเป็นหลัก

มีการใช้หน้าจอควบคุมระบบสัมผัสรุ่นใหม่ และสามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ได้

ไฟหน้าแบบ matrix LED ระบบปรับอากาศแยกอิสระ

มีระบบช่วยเหลือผู้ขับอย่างเช่น ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ, ระบบช่วยเตือนก่อนการชน, adaptive cruise control, blind-spot monitoring

และกล้องมองภาพตอนถอย หรือจะเพิ่มเงินซื้อออปชั่นที่เป็นกล้องรอบทิศทางก็ได้

ส่วนราคาค่าตัวยังไม่ถูกเปิดเผย แต่หลายคนบอกสูสีกับ SF90 Stradale ของเฟอร์รารี่