ชุลมุนอุบัติเหตุ พ.ร.ป. ส.ว. เสี่ยงคว่ำโรดแมปเลือกตั้ง

ในการพิจารณากฎหมายลูกที่จะชี้ขาดโรดแมปเลือกตั้งของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มี 2 ฉบับสำคัญ 1.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. …
2.ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. … ทั้งสองกำลังชุลมุนแก้ถ้อยคำกันอยู่ในวาระ 2-3

แต่ที่เป็นเหตุชุลมุนในเวลานี้ “สมชาย แสวงการ” หนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. แปรญัตติ ให้ลดกลุ่มอาชีพจาก 20 กลุ่ม เหลือเพียง 5-10 กลุ่ม และให้ ส.ว.เลือกกันเอง ไม่จำเป็นต้องเลือกไขว้

สมชายให้เหตุผลว่า “เช่น 10 กลุ่มอาชีพว่าด้วยภาครัฐ นักกฎหมาย เศรษฐกิจ เกษตร ควรจะเลือกกันเอง แล้วให้ประชาชนเลือก แต่ของแบบ กรธ.ให้มีการเลือกไขว้ ซึ่งไม่สามารถบล็อกโหวตได้ เอาคนดังในสภา เช่น ครูหยุย (วัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช.) คนสุรินทร์ ถ้าไปลงอำเภอเมืองสุรินทร์เมื่อไหร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของภูมิใจไทย และเพื่อไทย สองพรรคนี้ก็เอาคนมาลงเป็นเพื่อนสัก 1 พันคนเพื่อเลือกไขว้กันเอง ครูหยุยเดินมาจาก กทม.คนเดียวก็อาจจะมีคนเลือกครูหยุยสัก 10 เสียง แต่คนที่ไม่ใช่ครูหยุยอาจจะถูกเลือก 200 เสียง ก็ได้เป็น ส.ว.ได้แล้ว ครูหยุยก็ตกตั้งแต่ต้น”

แนวคิดของ “สมชาย” ที่ต่างจากความคิดของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธาน กรธ.ผู้ปฏิสนธิให้เกิดร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมา โดยมีชัยมองว่า วิธีการของ “สมชาย” ทั้งการลดจำนวนกลุ่ม และเลือกกันเองตามสาขาอาชีพ เสียอีกที่จะทำให้เกิดการ “บล็อกโหวต”


“สาเหตุที่ กรธ.บัญญัติให้มี 20 กลุ่มอาชีพ ก็เพื่อให้ ส.ว.มีที่มาหลากหลาย ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ส่วน ส.ว.เลือกกันเองในกลุ่มอาชีพ แทนการเลือกไขว้ระหว่างอาชีพ ก็จะทำให้ง่ายต่อการทุจริต หรือเกิดบล็อกโหวต เพราะผู้สมัครจะรู้ว่าใครอยู่กลุ่มใด เพียงส่งคนของตนมาสมัครในกลุ่มอีก 100 คน ก็สามารถบล็อกโหวตให้ตนเองได้แล้ว ถือว่าไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตเที่ยงธรรม เมื่อความเห็นฝั่ง กรธ.-สนช.ไม่ตรงกัน จึงค่อนข้างแน่นอนว่า อาจตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เพื่อหาทางออกเรื่องนี้ และส่อเค้าจบลงให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด เหมือน พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต นั่นแปลว่า กฎหมายจะถูกยืดการบังคับใช้ และเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้โรดแมปเลือกตั้งก็อาจจะขยับไปได้อีกด้วยกลนี้”