คิกออฟ “พรรคอนาคตใหม่” ธนาธร ลั่น เป็นพรรคการเมืองหลัก พร้อมสู้พรรคใหญ่ ชิงทุกคะแนนเสียง

REUTERS/Athit Perawongmetha

เมื่อเวลา 07.30 น.ที่แวร์เฮาส์ 30 ซอยเจริญกรุง 30 พรรคอนาคตใหม่ นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหารไทยซัมมิทกรุ๊ป พร้อมผู้ร่วมก่อตั้ง 25 คน อาทิ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญนายชำนาญ จันทร์เรือง อาจารย์พิเศษด้านการเมืองและกฎหมาย นลัทพร ไกรฤกษ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวคนพิการ ร่วมแถลงข่าวการเปิดตัวพรรค

นายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้กลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน กลุ่มคนที่ฝันเห็นอนาคตที่สวยงามร่วมกัน รวมกัน 26 คนภายใต้การชวนของนายปิยบุตร และตน พรรคอนาคตใหม่คือพื้นที่ไม่ยอมจำนนกับสภาวการณ์ปัจจุบัน อนาคตใหม่การเชิดชู และเทิดทูนคุณค่าประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน อนาคตใหม่เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า และเป็นธรรมให้กับคนทุกคน อนาคตใหม่คือความเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีความหวังและจินตนาการ เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะได้เดินตามความฝันและปกป้องความฝันของตัวเองไว้

“วันนี้จึงรวมตัวกันจดจัดตั้งพรรคการเมือง ที่เชื่อว่าเป็นพรรคการเมืองที่ยืนหยัดบนผลประโยชน์ของประชาชน ภายใต้ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนาน การกดขี่ริดรอนเสรีภาพของประชาชน การใช้พลกำลังอันป่าเถื่อนโดยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ปิดปากความคิดเห็นที่วิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจ ผู้ที่ร่วมจดจัดตั้งพรรคทุกคนเป็นคนสามัญธรรมดา ไม่มีใครมีลาภยศ ชื่อเสียง คิดว่าเวลานี้เหมาะสมที่สุด คนธรรมดาสามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยได้ การเมืองไม่ใช่เรื่องของคนมีอำนาจ คนมีชื่อเสียง คนมียศฐาบรรดาศักดิ์ แต่เป็นเรื่องของผมและคุณ เรื่องธรรมดาของคนทุกคน” นายธนาธร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า คิดว่าเราและลูกหลานของเราจะมีอนาคตแบบใดในประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างร้าวลึก รัฐประหารซ้ำซาก ฉีกรัฐธรรมนูญทุกๆ 4 ปี ในประเทศที่กองทัพฉวยโอกาสเข้าครองอำนาจอยู่เสมอในยามที่บ้านเมืองวิกฤต ประเทศไทย ประเทศของเราตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ สถานการณ์ด้านหนึ่งการเมืองแบ่งขั้วชนิดที่ไม่สามารถหาจุดร่วมกันได้เลย เป็นอุปสรรคในการเจรจาปรึกษาหารือกัน ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง การเมืองเผด็จการทหารปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน กดทัพเอาปัญหาทั้งหมดไว้อยู่ภายใต้อำนาจปืน ทำให้ความขัดแย้งไม่อาจยุติลงได้ ไม่อาจแสวงหาฉันทามติร่วมกันของคนในชาติได้ ตรงกันข้ามทำให้ความขัดแย้งนั้นร้าวลึกลงไปอีก

“การเมืองไทยถูกแบ่งแยกออกเป็นฝักฝ่าย ผู้สนับสนุนแต่ละฝ่ายต่างทุ่มเทสรรพกำลังไปกับการทะเลาะเบาะแว้งกัน ทั้งที่เอาเข้าจริงแล้วผู้สนับสนุนฝั่งฝ่ายทางการเมืองต่างก็เป็นประชาชน ผู้ใฝ่ฝันถึงระบอบการเมืองที่ดี เศรษฐกิจที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับตนเองและลูกหลาน ความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกันมีแต่ทำให้ประชาชนแย่ลง ในขณะที่ผู้มีอำนาจไม่กี่คนกลับตักตวงเอาผลประโยชน์จากความขัดแย้ง เราจะออกสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีพลังใหม่เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยให้กลับคืนมาอีกครั้ง เพื่อนำพาประเทศนี้ออกจากภาวะวิกฤต จึงรวมตัวกันก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เพื่อความหวังในการกลับสู่ประชาธิปไตย เพื่อเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ และเพื่อปรับภูมิทัศน์การเมืองไทยให้ดีขึ้น” นายปิยบุตร กล่าว

ให้สังคมมีความหวังออกจากวิกฤตขัดแย้ง

นายปิยบุตร กล่าวว่า ในประการแรกพรรคอนาคตใหม่จะทำให้ประชาชนคนไทยเห็นร่วมกันว่า เราสามารถกลับสู่การเมืองแบบประชาธิปไตยได้ วิกฤตกาณ์ความขัดแย้งกว่าทศวรรษ ทำให้กองทัพครองอำนาจได้อย่างยาวนาน โดยอ้างเป็นคนกลางเข้ามาแก้ไขวิกฤตทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว กองทัพเป็นคู่ขัดแย้งและเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา พวกเขาสร้างภาพหลอนอันน่าสะพรึ่งกลัวอยู่เสมอว่า หากกลับไปสู่การเลือกตั้ง ความขัดแย้งวุ่นวายตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจะกลับมาอีก ทำให้คนจำนวนมากจำเป็นต้องยอมทนอยู่กับรัฐบาลทหารเช่นนี้เรื่อยไป ผู้คนจำนวนมากเบื่อหน่ายการเมือง ท้อแท้ สิ้นหวังจนพาลคิดไปว่าการเมืองแบบประชาธิปไตย ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้

“การสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่ จะช่วยกระตุกความคิดของสังคม จากที่รู้สึกว่าไม่มีทางออก มีแต่ทางตัน ให้กลายเป็นมีทางออก และมีทางเลือกใหม่ ทางเลือกใหม่ที่ทำให้คนมีความคาดหวังว่าการเมืองจะดีขึ้น พร้อมจะกลับไปสู่การเลือกตั้งการเมืองแบบประชาธิปไตย และเชื่อมั่นว่าความขัดแย้งทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ และประชาชนเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขกันเอง” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ประการที่สอง พรรคอนาคตใหม่มุ่งเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้แก่ประเทศไทย พรรคอนาคตใหม่มีวิธีการบริหารจัดการแบบใหม่หลอมรวมเอาคนที่ไม่ยอมจำนนกับสิ่งที่เป็นอยู่ หลอมรวมเอาคนที่มีความรู้ความสามารถรวมไว้ด้วยกัน เพื่อลงมือสร้างการเมืองแบบใหม่ และนำเสนอนโยบายแบบก้าวหน้า เน้นการกระจายอำนาจ นโยบายที่ทำให้ประชาชนมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม เข้าถึงทุนและทรัพยากร พัฒนาระบบสวัสดิการที่สร้างหลักประกันอย่างถ้วนหน้าให้กับคนทุกคนตั้งแต่เกิด ในยามแก่ ในยามเจ็บ และจนวันตาย ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งมาพร้อมกับโอกาสและความท้าทาย สร้างกฎหมายให้ทันกับยุคสมัย เอื้อต่อธุรกิจรูปแบบใหม่ มิใช่เป็นอุปสรรคขัดขวาง

เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองใหม่

ประการสุดท้าย พรรคอนาคตใหม่มุ่งทำงานอย่างสร้างสรรค นำเสนอนโยบายและลงมือปฏิบัติ พรรคอนาคตใหม่มีประชาชนทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของผ่านการระดมทุนและระดมสมอง บริหารจัดการแบบประชาธิปไตยจากรากฐานเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างสำหรับทุกเสียง นโยบายของพรรคมาจากการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการ และการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน พรรคจะสามารถปักหมุดและชิงพื้นที่เพื่อเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองไทยได้ การเมืองไทยจะไม่ใช่การทำลายล้างศัตรู แต่การเมืองไทยคือการสร้างสรรค์ การเมืองไทยจะไม่ใช่เรื่องสกปรกหรือการใส่ร้ายป้ายสี แต่การเมืองไทยคือความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเป็นไปได้เสมอ เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำ จะไม่ใช่แก่งแย่งเพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่เป็นการแข่งขันเพื่อเข้าสู่อำนาจเพื่อทำประโยชน์ให้ปราะชาชน และการเมืองไทยจะไม่ใช่เรื่องของชนชั้นนำทางการเมืองไม่กี่คน ไม่ใช่เรื่องของเทคโนแครตผู้เชี่ยวชาญ หรือข้าราชการเท่านั้น

ทวงคืนศตวรรษที่สูญหาย

นายปิยบุตร กล่าวว่า แต่การเมืองไทยจะเป็นเรื่องของประชาชน ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจ พรรคการเมืองแบบนี้อาจไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนในการเมืองไทย และคงไม่มีใครคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในการเมืองไทย แต่อดีตเป็นบทเรียนและประสบการณ์ ไม่ใช่ตัวกำหนดอนาคต อนาคตเป็นของเรา หากเชื่อมั่นว่าเป็นไปได้ และลงมือทำ เช่นนี้ก็คือพวกเราที่กำหนดอนาคต ประเทศไทยสูญเสียเวลาและโอกาสไปมากพอแล้ว ประเทศไทยจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ประชาชนคนไทยมีศักยภาพในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่และเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ขอเพียงให้มีการเมืองที่มีประชาธิปไตยและเข้มแข็ง ไม่มีใครที่มีความชอบธรรมเพียงพอที่จะกำหนดอนาคตให้กับพวกเราได้นอกจากตัวเราเอง นี่คือห้วงเวลาทางประวัติศาสตร์ หากประชาชนไม่ร่วมมือกันกำหนดอนาคตของตนเอง เพื่อนำพาประเทศไทยออกจากทศวรรษที่สูญหาย ประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้และเราอาจไม่มีโอกาสฟื้นกลับมาได้อีกแล้ว ต้องออกจากทศวรรษที่สูญหาย มุ่งหน้าสู่ทศวรรษแห่งการทวงคืนอนาคต ร่วมทวงคืนอนาคตของเรา ร่วมทวงคืนอนาคตประเทศไทย อนาคตใหม่เพื่อประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เพื่อประเทศไทยที่มีอนาคต

ลั่นเป็นทางเลือกหลัก สู้เพื่อทุกคะแนนเสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายธนาธรและนายปิยบุตรได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยนายธนาธร กล่าวถึงความมั่นใจในการแข่งกับพรรคใหญ่ในอนาคตว่า เราจะเดินไปด้วยความสุขุมรอบคอบ และคิดว่าพรรคอนาคตใหม่จะไม่ใช่พรรคทางเลือกแต่จะเป็นพรรคทางหลัก การแก้ไขปัญหาประชาธิปไตยและการพาสังคมไปข้างหน้า พรรคเราจะเป็นพรรคการเมืองหลัก ทุกพรรคการเมืองจะเป็นคู่แข่งทางการเมือง เราจะต่อสู้ในทุกสนาม ทุกเขตเลือกตั้ง ในทุกชนชั้นอาชีพ เพื่อทุกคะแนนเสียงไม่ว่าจะเป็นคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ ทุกสมรภูมิเราจะต่อสู้เพื่อทุกคะแนนเสียง เพื่อให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคทางหลักของสังคมให้ได้

ไม่เลือกข้าง แต่มีจุดยืน

เมื่อถูกถามว่าพรรคอนาคตใหม่ถูกมองว่าเลือกข้าง นายธนาธร กล่าวว่า เราไม่ได้เลือกข้างแต่เรามีจุดยืน ถ้าข้างไหนที่ข้ามเส้นจุดยืนนี้ เราต่อต้านและโจมตี ถ้าตราบใดไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ หรือ พรรคเพื่อไทย คุณทักษิณ หรือ คุณประยุทธ์ ถ้าข้ามเส้นจุดยืนเมื่อไหร ราจะวิพากษ์วิจารณ์ทันที เราจะต่อต้านทันที ดังนั้น คิดว่าในแง่หนึ่งเรามีอุดมการณ์ทางการเมือง และจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะถือข้างใครอย่างไรเมื่อไหร ตราบใดก็ตามที่เราทำงานการเมืองอยู่ เราจะไม่ประนีประนอมกับจุดยืนอย่างนี้ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ประนีประนอมกับจุดยืนต่างๆเหล่านี้ ผมจะเป็นคนแรกที่ลาออก

แก้ ม.112 พรรคต้องเห็นด้วย

นายปิยบุตร กล่าวถึงจุดยืนเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ตนเคยร่วมกับอาจารย์หลายคนเสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะทุกท่านคงทราบดีว่ามาตรา 112 ถูกนำไปใช้กลั่นแกล้งกันและทำลายศัตรูทางการเมืองฝั่งตรงข้ามที่คิดเห็นแตกต่างกัน การเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ วันนี้มีหลายกรณีที่เป็นตัวบ่งชี้ให้เราเห็นว่าแม้กระทั่งรัฐและกลไกของรัฐเองก็มีปฏิกิริยาในแง่ของการจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายอาญามาตรานี้เช่นเดียวกัน ในอดีตเคยมีการตั้งคณะกรรมการศึกษ ปัจจุบันคงเห็นหนังสือของสำนักงานอัยการสูงสุดออกมาว่าต่อไปนี้จะให้อัยการสูงสุดเท่านั้นที่เป็นคนพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ เราเห็นทิศทางของศาลที่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 มากขึ้น เราเห็นทิศทางของการมีคำพิพากษาจำนวนมากที่ยกฟ้อง นั่นหมายความว่ารัฐเองก็ตระหนักดีถึงปัญหาของมาตรา 112

นายปิยบุตร กล่าวว่า การปรับปรุงมาตรา 112 จะทำให้บุคคลทั้งหลายไม่สามารถนำกฎหมายมาตรานี้มาใช้ทำลายล้างกันได้อีก ละบุคคลจะไม่สามารถฉวยโอกาสแอบอ้างเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ทำลายล้างผู้ที่เห็นต่างหรือศัตรูทางการเมืองของตนเอง สถาบันพระมหากษัตริย์จะดำรงอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพ มั่นคง และมีเกียรติยศ ทันสมัย สอดคล้องกับประชาธิปไตย หากกฎหมายอาญามาตรานี้ถูกปรับปรุง

“วันนี้ผมเปลี่ยนบทบาทมาลงสนามในทางการเมือง หลายท่านคงจะถามว่าพรรคการเมืองนี้จะเอาอย่างไรต่อไปกับการแก้ไขมาตรา 112 พรรคนี้ไม่ใช่ของคุณธนาธรและไม่ใช่ของผม พรรคนี้เป็นของสมาชิกทุกคน นโยบายทุกเรื่องที่เราจะนำเสนอมีความหลากหลาย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและประชาธิปไตย นโยบายของพรรคเกิดจากการตัดสินใจร่วมกันของสมาชิกและการรับฟังความคิดเห็นของประชาช ณ วันนี้ คสช.ไม่อนุญาตให้เราพูดเรื่อง นโยบายนี้ ดังนั้น จะมีโอกาสที่ได้ทำหรือไม่ ณ เวลานี้ก็ตอบไม่ได้ และ พรรคการเมืองนี้ไม่ใช่ของผม ผมมีความคิดแบบนี้ แต่เรื่องจะสำเร็จหรือไม่ และจะเสนอหรือไม่ และจะเป็นนโยบายหรือไม่ อยู่ที่สมาชิกพรรค และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน” นายปิยบุตร กล่าว