“บิ๊กตู่” เยือนบึงสีไฟ ลั่นไม่ได้มาหาเสียง อ้อนชาวพิจิตรน่ารัก ไม่ต้องน้อยใจอนุมัติงบให้แน่

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ พบประชาชน และเยี่ยมชมกิจกรรมการพัฒนาพิจิตรจังหวัดคุณธรรมและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบึงสีไฟ ที่บึงสีไฟ อำเภอเมืองพิจิตร โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนกว่า 1,000 คนว่า วันนี้มาเพื่อสร้างอนาคตร่วมกัน ว่าเราต้องการให้ประเทศไทยเป็นอย่างไร เราต้องช่วยกันขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดความสุขแก่ทุกๆ คน แม้จะมีรายได้น้อย แต่ถ้าเรามีความสุข ทุกอย่างก็จะดี การมาพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนครั้งนี้ ไม่ได้มาหาเสียง แต่เพื่อติดตามความก้าวหน้าในแผนและโครงการต่างๆ พร้อมปรับให้สอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่ เพราะมีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจตรงกัน มีทั้งโครงการที่ทำได้และยังทำไม่ได้ และอยากให้ทุกคนช่วยกันดูว่า รัฐบาลนี้ทำงานแตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง

“ถึงพิจิตรแม้จะเป็นเมืองเล็ก แต่น่ารัก สามารถพัฒนาต่อยอดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นเมืองแห่งความสุขได้ ผมมาวันนี้ในนามของนายกฯ ที่จะดูแลคนทั้งประเทศ ทุกจังหวัดวันนี้ผมใส่เสื้อประเทศไทยมา พิจิตรเป็นเมืองที่อยู่ใกล้หัวใจผมที่สุด การแก้ปัญหาแบบเร็วและหวือหวาจะไม่สำเร็จ แต่จะล้มกลับมาที่เดิม ในการทำงานรัฐบาลได้รับฟังเสียงจากทุกฝ่าย ไปถึงสื่อโซเชียลด้วย มาครั้งนี้ไม่ได้มาอย่างที่สื่อวิพากษ์วิจารณ์กัน เพราะสื่อบางสำนักได้พาดหัวว่า จะให้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลจะต้องดูว่ามีงบประมาณเพียงใด โครงการใดเร่งด่วน โดยต้องดูว่าโครงการเหล่านั้นตอบสนองความต้องการของประชาชนมากน้อยเพียงใด แต่ชาวพิจิตรไม่ต้องน้อยใจ เพราะอะไรเร่งด่วนก็จะได้ก่อน ไม่มีทางที่จะได้ในครั้งเดียวอยู่แล้ว”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สองปีที่ผ่านมา เรื่องร้องเรียนจากศูนย์ดำรงธรรมมีมากว่า 2 ล้านเรื่อง ซึ่งช่วงนี้ลดลงไปมากหากนับจาก 4 ปีที่เข้ามา รัฐบาลได้แก้ไขในพื้นที่ไปบ้างแล้ว ไม่เหมือนแต่ก่อน ที่ไม่มีใครสนใจ แม้วันนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้ 100% เพราะปัญหาพอกมานาน แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร สิ่งที่เป็นปัญหาในขณะนี้หลายคนอยากให้ใช้กฎหมายที่รุนแรง อย่าง ม.44 ซึ่งตนคิดว่าไม่สร้างสรรค์ เพราะถ้าทุกคนพร้อมใจเดินไปพร้อมกับตน ก็จะแก้ไขปัญหาได้ ยืนยันว่าไม่ได้มุ่งหวังสิ่งอื่น อย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ และตนของไม่สามารถรังเกียจใครได้ เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ตราบใดที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องคุยกับทุกคนได้ ขอให้ทุกคนระมัดระวังในข้อกฎหมาย

“งบประมาณที่จะอนุมัติให้จังหวัดพิจิตรนั้น ไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขได้ เพราะไม่ต้องการเอาเรื่องนี้มาเป็นการหาเสียง จึงไม่ต้องกังวล เพราะการมาไม่เกี่ยวข้องกับการหาเสียง แม้หลายคนจะมองแต่เรื่องแบบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่ ผมไม่ต้องการซื้อเสียง แม้ไม่มีเสียงให้แม้แต่คนเดียว ก็พร้อมที่จะทำงานให้ประเทศไทย เพราะที่นี่คือประเทศไทย เป็นของคนไทยทุกคน เราต้องมีความรักความสามัคคี เหมือนเอาแขนงไผ่ทุกแขนงมารวมกัน ใครๆก็หักไม่ได้

“แต่ถ้าทุกคนบอกว่าอะไรก็ต้องเป็นประชาธิปไตย มันไม่ได้ การเป็นประชาธิปไตยต้องมีกฎหมาย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้าไม่ไปแตะต้อง หรือดื้อด้านต่อสู้ ก็จะไม่มีเรื่อง วันนี้มีหลายคนพยายามจะให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ผมไม่บอกว่าเป็นใคร ผมมาให้ความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย”

Advertisment

 

ที่มา : มติชนออนไลน์