“บิ๊กตู่” ย้ำกลางเวทีเอเปก ไทยหนุนนโยบายค้าเสรีต่อเนื่องในทุกระดับ

“บิ๊กตู่” เชื่อมั่น เอเปกเป็นกรอบความร่วมมือที่มีศักยภาพ ย้ำความสำคัญของดิจิทัล เป็นตัวเร่งความเติบโตทางเศรษฐกิจ หวัง สมาชิกหนุนความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ณ เอเปกเฮ้าส์ (APEC Haus) รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้าร่วมประชุมผู้นำเอเปก ซึ่งแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 (Retreat I) หัวข้อ “การเชื่อมโยงเพื่อการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมผ่านอนาคตทางดิจิทัล” (Connecting for Inclusive Growth through Digital Future) และช่วงที่ 2 ( Retreat II ) หัวข้อ “การบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและอนาคตของเอเปก (Regional Economic Integration and APEC’s Future) โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทางต่อประเด็นดังกล่าว และการดำเนินนโยบายของรัฐบาลไทยที่สอดรับกับ Digital Economy สรุปดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำความสำคัญของดิจิทัล ซึ่งจะเป็นตัวเร่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในภูมิภาคเอเปค และเปิดโอกาสให้ทุกเขตเศรษฐกิจเอเปคก้าวหน้าไปพร้อมกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไทยเชื่อมั่นว่า เอเปกเป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีประโยชน์และมีศักยภาพที่จะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และครอบคลุม

ไทยเสนอ 3 แนวทางในการกระชับความร่วมมือและรักษาบทบาทนำ ดังนี้

ประการแรก เอเปกควรแสดงความเป็นหนึ่งเดียวในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดถือระบบกฎเกณฑ์ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งไทยเชื่อมั่นว่า ระบบการค้าพหุภาคีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่มีเสถียรภาพ เป็นธรรม และคาดการณ์ได้ อันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่อทุกเขตเศรษฐกิจ โดยสมาชิกเอเปกสามารถร่วมหารือถึงแนวทางที่เหมาะสมในการเพิ่มประสิทธิภาพของ WTO ให้เป็นกลไกที่ทุกเขตเศรษฐกิจสามารถปฏิบัติตามได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ไทยสนับสนุนนโยบายการค้าเสรีอย่างต่อเนื่องในทุกระดับ เพื่อเป็นหนทางไปสู่การจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia-Pacific – FTAAP)

ประการที่สอง เอเปกควรกระชับความร่วมมือเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงที่แท้จริงในภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวคิดการส่งเสริมความเชื่อมโยงภายในอนุภูมิภาค เพื่อนำไปสู่การเชื่อมโยงทางการค้า การลงทุนและการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างอนุภูมิภาคต่างๆในระดับที่ใหญ่ขึ้น

ประการที่สาม ผลักดันให้เอเปกมีบทบาทนำในการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี และการพัฒนาความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล โดยนายกรัฐมนตรีหวังว่า สมาชิกเอเปกจะสนับสนุนให้ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของวาระการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเปค

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เสนอแนวคิด Rebalancing APEC เพื่อให้เอเปคต่อยอดความสำเร็จของเป้าหมายโบกอร์ และปรับสมดุลสู่ความร่วมมือในอนาคต โดยเห็นว่า วิสัยทัศน์ใหม่ของเอเปกหลังปี 2563 ควรส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ UN โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรมและสังคมที่ยั่งยืนและมีนวัตกรรม ในขณะเดียวกัน การกระชับความร่วมมือระหว่างเอเปกและองค์การที่มีเจตนารมณ์คล้ายคลึงกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในวงกว้างถือเป็นเรื่องสำคัญที่สมาชิกควรยึดเป็นนโยบายต่อไปด้วย

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์