ไพบูลย์ นิติตะวัน ยอมรับ “ถูกเท” ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพลังประชารัฐถูกคว่ำแล้ว ผ่านแค่ระบบเลือกตั้ง 2 ใบของพรรคประชาธิปัตย์ฉบับเดียว
วันที่ 24 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา ในการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูย 13 ร่าง ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นประธาน ได้มีการลงมติวาระที่ 1 โดยเป็นการขานมติรายบุคคล ตั้งแต่เวลา 16.50 น. ปรากฏว่า สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ต่างขานมติงดออกเสียง และไม่รับหลักการให้กับร่างที่ 1 ซึ่งเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมของพรรคพลังประชารัฐ และส่วนใหญ่งดออกเสียงให้กับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอีก 10 ร่างของพรรคร่วมรัฐบาล
- ด่วน! วอยซ์ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
อย่างไรก็ตาม ส.ว.ต่างเทคะแนนให้กับร่างแก้ไขเพิ่มเติมร่างที่ 13 ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอแก้ระบบเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ แบบเดียวกับรัฐธรรมนูญ 2540 และ รัฐธรรมนูญ 2550 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
จนกระทั่งการขานคะแนนของสมาชิกรัฐสภามาถึงในเวลา 21.30 น. ปรากฏว่า คะแนนเสียงในร่างที่ 13 ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่ง 367 คน จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 733 เสียงไปแล้ว โดยมีเสียง ส.ว.ลงคะแนนรับหลักการเกิน 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงเช่นกัน ทำให้ร่างที่ 13 ผ่านความเห็นชอบในวาระรับหลักการเป็นที่เรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามขั้นตอนการลงมติในขั้นรับหลักการนั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 256 (3) กำหนดว่า การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ นอกจากคะแนนเสียงจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาแล้ว จะต้องมีเสียง ส.ว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงของ จํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา จึงจะผ่านชั้นรับหลักการ
ต่อมาเวลา 22.00 น. นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า น่าจะผ่านแค่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เพียงฉบับเดียว ส่วนตนก็จะทำหน้าที่ในฐานะคณะกรรมาธิการจนจบขั้นตอน