9 แกนนำกลุ่มพันธมิตร ลุ้น! ศาลฎีกา ตัดสินคดีชุมนุมดาวกระจาย ไล่รัฐบาลสมัคร

9 แกนนำกลุ่มพันธมิตร ลุ้น! ศาลฎีกา ตัดสินคดีชุมนุมดาวกระจายขับไล่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551

วันที่ 31 สิงหาคม 2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.3973/2558 ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมดาวกระจาย ปี 2551 ขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น

เป็นคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องอดีตแกนนำพันธมิตร 9 คน คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และ นายเทิดภูมิ ใจดี ร่วมกันเป็นจำเลย 1-9

ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนและก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการโดยผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216

กรณีเมื่อปี 2551 กลุ่มพันธมิตรได้รวมตัวกันต่อต้านและขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีขณะนั้น คดีนี้ศาลอาญาอ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 20 ก.ค.60 ให้ยกฟ้อง พล.ต.จำลอง จำเลยที่ 1 นายสุริยะใส จำเลยที่ 6 ส่วน นายไชยวัฒน์ นายอมร และนายเทิดภูมิ จำเลยที่ 7-9 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งเจตนาคดีและเหตุผล ประกอบอายุ ประวัติ อาชีพ ความประพฤติ การศึกษา อบรม และสุขภาพของจำเลยแล้ว เห็นควรรอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี

Advertisment

ต่อมา วันที่ 30 ม.ค. 2562 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยเห็นว่า จำเลยที่ 7-9 ไม่มีความผิด จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องทั้งสามด้วย อัยการโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 9 คน

ด้าน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หนึ่งใน 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีความกังวลใด ๆ อายุขนาดนี้แล้ว หากศาลยกฟ้องก็กลับบ้าน ถ้าลงโทษไม่รอลงอาญาก็เข้าคุก อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบการชุมนุมกับม็อบปัจจุบันมีความรุนแรงมากขึ้น และผู้ก่อม็อบมักอ้างรัฐธรรมนูญว่าเป็นการกระทำโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ การตัดสินคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานการต่อสู้คนรุ่นหลังด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำเลยคนอื่นเริ่มทยอยเดินขึ้นไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว