เอสซีจีโชว์รายได้ปี 60 ตั้งเป้า ยอดขาย 2-3% ธุรกิจซีเมนต์จากโครงการรัฐ

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี เปิดเผยว่า ในปี 2560 เอสซีจีมีรายได้ 450,921 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 6 % และมีกำไร 55,041 ล้านบาท ลดลง 2% จากการแข่งขันในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ซึ่งไตรมาสที่ 4 ปี 2560 มีรายได้จาการขาย 113,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเวลาเดียวกัน จากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน และมีกำไร 12,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกัน และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน ตั้งเป้ายอดขายปีนี้เพิ่มขึ้น 5%

สำหรับผลการดำเนินงานต่างประเทศในปี 2560 มีรายได้จากภูมิภาคอาเซียน 106,597 ล้านบาท คิดเป็น 24% จากยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รายได้จากประเทศอื่นอยู่ที่ 80,084 ล้านบาท คิดเป็น 17% จากยอดขายรวมซึ่งปี 2561 ตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท

ขณะที่สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2560 มีมูลค่า 573,412 ล้านบาท ซึ่ง 24% เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน
ธุรกิจเคมีภัณฑ์ มีรายได้ 206,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน มีกำไร 42,007 ล้านบาท ไตรมาสที่ 4 ปี 2560 มีรายได้จากการขาย 51,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่ม 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไร 9,620 ล้านบาท ลดลง 1% จากไตรมาสก่อน และลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

ธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้ 175,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน จากการขยายตัวในอาเซียน มีกำไร 7,230 ล้านบาท ลดลง 15% จากปีก่อน ขณะที่ไตรมาสที่ 4 ปี 2560 มีรายได้จากกการขาย 43,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไร 1,231 ล้านบาท

“ปีที่ผ่านมาธุรกิจปูนซีเมนต์ อยู่ที่ -5% เนื่องจากงานภาครัฐไม่เป็นตามที่คาดหมายไว้ ซึ่งปีนี้คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 2-3% จากโครงการก่อสร้างภาครัฐ ที่มีแนวโน้มเห็นชัดเจนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ธุรกิจซีเมนต์ เน้นเทคโนโลยี ตอบโจทย์ลูกค้าประเภทโครงการ คอมเมอเชียล ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้นตั้งแต่การออกแบบจนถึงการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มมูลค่าซีเมนต์ให้มากขึ้น” นายรุ่งโรจน์กล่าว

Advertisment

นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า ราคาวัสดุก่อสร้างในปี 2561 ภูมิภาคอาเซียนมีการแข่งขันกำลังการผลิต ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ ต้นทุนในการผลิตก็เพิ่มมากขึ้น ใน 2 ปีที่ผ่านมา ราคาตลาดปรับตัว 20% ขณะที่ปีนี้อยู่ที่ 10% ผู้ผลิตต้องเน้นประสิทธิภาพ นวัตกรรมการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ มีรายได้ 81,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% มีกำไร 4,719 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน จากการขายสินทรัพย์บริษัทกระดาษสหไทย ขณะที่ไตรมาที่ 4 ปี 2560 มีรายได้จากการขาย 21,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกัน จากกำลังการผลิตใหม่ในประเทศเวียดนาม มีกำไร 1,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 97% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ส่วนธุรกิจบริการ เอสซีจีจะขยายไปในการบริการรถนักเรียนและรถพยาบาล ใช้เทคโนโลยี GPS มาต่อยอด สร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยการให้บริกการรถรับ-ส่ง และอำนวยความสะดวกในการรักษาทางการแพทย์ รวมทั้งการบริการเอสซีจี เอ็กซ์เพรส จะขยายสาขาเพิ่มจากเดิม 500 สาขา ในช่วงกลางปี 2561
ทั้งนี้ การปรับตัวของค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เนื่องจากบริษัทส่งออกไปต่างประเทศ ตามราคาดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้มีผลกระทบเชิงลบ จาก 1 บาท มีผลกระทบกำไร 2,000 ล้านบาท ส่วนทิศทางเศรษฐกิจในปี 2561 ยังมองว่าอยู่ในทิศทางที่ดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก