Sustainability

ล่าสุด ! แรงงานต่างด้าวใบอนุญาตสิ้นสุด จะอยู่ไทยต่อต้องทำอย่างไร

แรงงานต่างด้าว

เช็กที่นี่ สรุปมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบผ่อนผันแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติอยู่ต่อ แต่ต้องยื่นเอกสารภายในกำหนด

วันที่ 1 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (เมียนมา กัมพูชา และลาว) ดำเนินตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จเพื่อได้รับอนุญาตอยู่ในไทยเป็นการชั่วคราว และทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 (หรือ 2 ปี) นับตั้งแต่วันที่อนุญาตเดิมสิ้นสุด โดยแบ่งเป็นกลุ่มแรงงาน ดังนี้

1. แรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562

2. แรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563

3. แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตาม MOU ที่วาระการจ้างงานครบ 2 ปี

4. แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตาม MOU ที่วาระการจ้างงานครบ 4 ปี

5. คนต่างด้าวซึ่งใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดลง โดยผลของกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ซึ่งสิ้นสุดการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564

แรงงานต่างด้าวแต่ละกลุ่มต้องทำอะไรบ้าง มีรายละเอียดดังนี้

1. แรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 และวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ที่ประะสงค์จะทำงานต่อไปจนถึง 13 กุมภาพันธ์ 2566 ให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานก่อนใบอนุญาตเดิมสิ้นสุด ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565

และหากไม่ได้ยื่นภายในวันที่กำหนดให้ยื่นขออนุญาตภายใน 60 วัน นับตั้งแต่ใบอนุญาตเดิมสิ้นสุด แต่ในช่วงใบอนุญาตทำงานสิ้นสุด ไม่สามารถทำงานได้ และจะสามารถทำงานได้อีกครั้งเมื่อได้รับใบอนุญาตทำงานใหม่

2. แรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ที่ยังไม่ได้จัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ (บัตรชมพู)  ให้ทำให้เสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565

3. แรงงานต่างด้าวตาม MOU ที่ระยะเวลาการจ้างงานครบ 2 ปี ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 – 31 ธันวาคม 2564 แรงงานต่างด้าวตาม MOU ที่ระยะเวลาการจ้างงานครบ 4 ปี ในระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (มติ ครม. วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563) ไม่สามารถยื่นคำขอต่อใบอนุญาตทำงานได้ เนื่องจากใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดแล้ว แต่หากคนต่างด้าวประสงค์จะทำงานต่อ ให้ดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตทำงานภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่ใบอนุญาตเดิมสิ้นสุด หรือภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2565