คุยกับ HONNE คู่ดูโอจากอังกฤษที่เพิ่งมาสร้างความประทับใจให้แฟนเพลงชาวไทย

เจมส์ - แอนดรูว

สองหนุ่มวง HONNE (ฮอนน์) James William Hatcher และ Andrew Peter Clutterbuck คู่ดูโอจากอังกฤษ ที่ถูกจำกัดความแนวดนตรีทั้ง อิเล็กทรอนิกส์ โซล  และ ซินธ์-ป๊อป เป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่กระแสแรงในบ้านเรา ปีที่แล้วพวกเขามาแสดงคอนเสิร์ตในไทยครั้งแรก การตอบรับดีล้นหลาม และสร้างกระแสขยายฐานแฟนเพลงขึ้นอีกเยอะ

ปีนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งในการเป็นเฮดไลน์เทศกาลดนตรี Mangosteen Music Festival ถึง 2 คืนติดกัน เมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองหนุ่มก็สร้างความประทับใจ ได้รับคำชมล้นหลามจากแฟน ๆ ที่เข้าไปชมกันเต็มความจุของเมืองไทย จีเอ็มเอ็มไลฟ์เฮาส์ เซ็นทรัลเวิลด์

ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นโชว์คืนที่ 2 “ประชาชาติธุรกิจ” ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวและพูดคุยกับสองหนุ่มวง HONNE มานิดหน่อย หลัก ๆ เป็นการพูดถึงผลงานอัลบั้มใหม่ Love Me / Love Me Not ที่ปล่อยเพลงออกมาให้ฟังถูกอกถูกใจแฟน ๆ ไปแล้ว และกำลังจะปล่อยอัลบั้มออกมาเร็ว ๆ นี้

แรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มนี้

HONNE: ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเราครับ ซึ่งเราพยายามเล่าอย่างจริงใจที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พยายามไม่ฝืน หรือแต่งเรื่องขึ้นใหม่ เราจะรู้สึกแปลกมากถ้าแต่งเรื่องขึ้นมา การทำเพลงจากเรื่องจริงนี่แหละดีที่สุดแล้ว เป็นประสบการณ์ของเรา และผู้คนที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งคอนเซ็ปต์มีสองด้าน แม้ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากอัลบั้มแรกมากนัก แต่มันเป็นเรื่องที่ดีครับ เราชอบทำเพลงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราจริง ๆ

แอนดรูว

 

อัลบั้มนี้มีซาวนด์อะไรใหม่ ๆ บ้าง

HONNE: อัลบั้มนี้เราได้แรงบันดาลใจมาจากฮิปฮอป อย่าง Chance the Rapper และ France Ocean เราอยากให้มีบีตและเสียงเบสมากขึ้น เราชอบอัลบั้มแรกนะ แต่รู้สึกว่ามันไปในแนวเดียวกันหมดเลย คือยังไงเสียงร้องมันก็เป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ที่จะทำให้มันแตกต่างได้ก็คือทำซาวนด์ของแต่ละเพลงให้มันต่างกัน

โลโก้ที่เป็นรูปวงกลม แบ่งครึ่งหนึ่งทึบ ครึ่งหนึ่งโปร่ง สื่อถึงอะไร

HONNE: มันคือ unicode ครับ เป็นเหมือนอีโมจิยุคแรก ๆ อัลบั้มนี้ชื่อว่า Love Me / Love Me Not เราก็เลยใช้ unicode เพื่อบอกว่าเพลงไหนเป็น Love Me เพลงไหนเป็น Love Me Not ก็คือครึ่งที่เต็มกับครึ่งที่ขาด ถ้าเพลงไหนทึบที่ฝั่งขวาคือเพลงรัก เป็นฝั่ง Love Me ถ้าเพลงไหนทึบที่ฝั่งซ้ายคือเพลงเศร้า เป็น Love Me Not

ทำไมเพลงของพวกคุณมีแต่เพลงรักในมุมมองบวก กำลังมีความรักแฮปปี้อยู่ ?

HONNE: ก็ประมาณนั้นครับ คือเราหมั้นแล้ว… อย่างที่บอกว่าอัลบั้มนี้มีสองด้าน ไม่ได้พูดถึงแค่ความรัก แต่ยังมีเรื่องความสัมพันธ์กับครอบครัว กับเพื่อน เรื่องชีวิตในการออกทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งตอนทัวร์ก็สนุกดี แต่เราก็คิดถึงคนที่บ้าน มันมีหลายแง่มุม ซึ่งเราพยายามเล่าความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา และพยายามให้เห็นทั้งสองด้าน ก็น่าจะอธิบายคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ได้ดี

เจมส์

คุณต้องการนำเสนอถึงสองขั้วของความสัมพันธ์ และนำเสนอความรู้สึกที่แท้จริง คุณคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนฟังได้รับประสบการณ์หรือรู้สึกแบบเดียวกับที่คุณนำเสนอผ่านเพลง

 HONNE: เป้าหมายหลัก ๆ ของเราคือแค่อยากแชร์อารมณ์ ความรู้สึก นำเสนอสิ่งที่คนฟังน่าจะรู้สึกเชื่อมโยงได้ ก็คิดว่าน่าจะมีคนที่รู้สึกแบบเดียวกับเราบ้างครับ และมีสิ่งที่เราทดลองคือการปล่อยเพลงทีละสองเพลง หนึ่งเพลงเป็นฝั่ง Love Me อีกเพลงเป็นฝั่ง Love Me Not คนฟังเพลงเดี๋ยวนี้เขาสนใจอะไรแป๊บ ๆ แค่ระยะสั้น ๆ เราก็เลยอยากลองวิธีการปล่อยเพลงแบบนี้  ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง จะมีอะไรเกิดขึ้น แต่มันคงดีถ้าทุกเพลงในอัลบั้มได้ผ่านหูคนฟังอย่างเท่า ๆ กัน เราปล่อยให้เขาฟังฟรีในยูทูบไปก่อน เพราะพอเพลงอยู่ในนั้นจะมีคนฟังมากกว่า แต่เดี๋ยวเราจะทำไวนิล หน้าหนึ่งเป็น Love Me อีกหน้าหนึ่งเป็น Love Me Not ให้เลือกฟังได้ตามอารมณ์ที่อยากฟัง

การทำงานของพวกคุณ เริ่มจากการทำดนตรีก่อนหรือแต่งเนื้อร้องก่อน

HONNE: ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของแต่ละเพลงในตอนนั้น ไม่ได้มีตายตัวว่าจะเริ่มจากการทำดนตรีก่อน หรือเขียนเนื้อร้องก่อน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการทำดนตรีเก็บไว้ก่อน เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าเพลงไหนโดน มีเรื่องราวที่อยากเล่าก็ค่อยใส่เนื้อลงไป แต่บางเพลงฟังเป็นสิบรอบก็รู้สึกว่าไม่อยากทำต่อ ก็สลับไปทำเพลงอื่น ข้ามไปข้ามมา ไม่ได้ทำเสร็จไปทีละเพลง ดีที่บ้านของเราอยู่ใกล้กัน ก็เลยทำงานด้วยกันง่าย

ในมิวสิกวิดีโอเพลง Me & You เห็นได้ว่าได้รับอิทธิพลจาก K-Pop ช่วยเล่าหน่อยได้ไหมว่าคนเอเชียและวัฒนธรรมเอเชียมีอิทธิพลต่อพวกคุณอย่างไรบ้าง

HONNE: ตอนที่เราปล่อยเพลง Day 1 มีโรงเรียนสอนเต้นในเกาหลีเอาเพลงนี้ไปสอนเต้น เราเห็นวิดีโอก็เลยติดต่อไปถามว่าสนใจมาร่วมทำอะไรสนุก ๆ ในเพลงต่อไปของเราไหม ก็เลยได้พวกเขามาเต้นในเอ็มวีนี้ ซึ่งเด็ก ๆ เก่งมากครับ … จริง ๆ แล้ววัฒนธรรมเอเชียเป็นสิ่งที่พวกเราชอบ และมีอิทธิพลกับพวกเราอยู่แล้วด้วย ชื่อวง Honne ก็มาจากภาษาญี่ปุ่น คำว่า “ฮนเนะ” แปลว่า “ความรู้สึกที่แท้จริง” และชื่อค่ายเพลงของเราก็เป็นภาษาญี่ปุ่น Tatemae (ทาเตมาเอะ) เป็นด้านตรงข้ามของ “ฮนเนะ” แปลว่า “สิ่งที่เราแสดงออกให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นยังไง” ในอัลบั้มแรกเห็นได้ชัดว่าเราได้แรงบันดาลใจจากญี่ปุ่นมาเยอะ ปกอัลบั้มก็มีภาษาญี่ปุ่น พวกเราเป็นบิ๊กแฟนของวัฒนธรรมเอเชียอยู่แล้วครับ

ถ้าพวกคุณได้ collaboration กับแบรนด์แฟชั่นสักแบรนด์ อยากทำกับแบรนด์ไหน เพราะอะไร

แอนดรูว: ผมมีกางเกงที่เพิ่งซื้อมา และใส่แทบทุกโชว์เลย อยากทำกับ Issey Miyake ครับ ผมชอบดีไซน์ของแบรนด์นี้ มันเท่และใส่ง่าย

เจมส์: ผมก็ชอบกางเกงตัวนั้นนะ (หัวเราะ)  

 

——

 

ภาพจาก: Warner Music Thailand