“สเปอร์ส” ได้อะไร เสียอะไร เมื่อเข้าโลกแสงสีมีสารคดีของตัวเอง

โลกบันเทิงยุคนี้เป็นช่วงเวลาแห่งสตรีมมิ่งก็ว่าได้ บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ทั่วโลกหันเข้ามาสู่ตลาดสตรีมมิ่งสื่อบันเทิงกันมาก นั่นทำให้เนื้อหาแต่ละหมวดหมู่เพิ่มขึ้นตามไป “ความบันเทิง” ในรูปแบบวัฒนธรรมกีฬาก็เพิ่มตามมา สารคดีเกี่ยวกับกีฬาต่าง ๆ หาดูได้ง่ายมากขึ้น เมื่อมันเป็นธุรกิจที่เติบโต สิ่งที่เกิดหลังม่านก็หนีไม่พ้นปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้น และติดตัวเป็นเงาตามมาด้วย

สารคดีเกี่ยวกับกีฬามีมานานแล้วแค่ไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนกับหมวดอื่น แต่เทรนด์ช่วง 3-4 ปีหลังเริ่มแพร่หลายมากขึ้น อันมาจากการพัฒนาของเทคโนโลยี ธุรกิจรูปแบบต่าง ๆ ก็ขยายตัวไปด้วย โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครได้เก็บภาพในห้องแต่งตัวในช่วงพักครึ่งแล้วนำมาเผยแพร่ได้ แต่ช่วงหลังฟุตเทจเหล่านี้ไม่เพียงทำให้แฟนบอลได้ดูสมใจตามฝัน แต่ยังทำให้สโมสรมีรายได้ด้วย (ขายภาพและรายได้จากอีกหลายช่องทางออนไลน์) ทำให้คนมีทางเลือกมากขึ้น เนื้อหาถูกผลิตมากขึ้น เพื่อป้อนตลาดที่มีผู้ให้บริการแข่งขันกันสูงขึ้นทุกปี ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็ส่งผลต่อสภาพการทำงานของฝ่ายการกีฬาเองในหลายด้านปรากฏการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับทีมใหญ่บนจนถึงทีมขนาดเล็กล้วนถูกหยิบจับมาผลิตเป็นสารคดีกันถ้วนหน้า ตั้งแต่ความสำเร็จของบาร์เซโลน่าจนถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสารคดีเกี่ยวกับนักฟุตบอลยุคต่าง ๆ ก็มีท่วมสตรีมมิ่ง หรือความล้มเหลวของซันเดอร์แลนด์ก็ยังมีสารคดีให้ชมในสตรีมมิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย ยิ่งโดยเฉพาะช่วงปิดฤดูกาลที่แฟนบอลไม่มีเกมแข่งให้ชม พวกเขาย่อมสามารถไปดูสารคดีย้อนความทรงจำและข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาสนใจ

ด้วยเหตุข้างต้น หลายทีมที่ประสบความสำเร็จในแต่ละฤดูกาลก็มักสนใจไปปรากฏอยู่บนหน้าจอของแฟนกีฬาด้วย ในบรรดาทีมที่มีเรื่องราวความสำเร็จในมือ และยังไม่ได้ถูกนำมาสกัดเป็นสารคดี ก็คงเป็นท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไก่เดือยทองแห่งลอนดอน ซึ่งผงาดมาเป็นทีมที่ทำผลงานทั้งในประเทศและในโซนยุโรปอย่างยอดเยี่ยม ผลงานที่น่าประทับใจมากที่สุดของสโมสร ย่อมเป็นการเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2018-2019

ดีลนี้ถูกเผยแพร่ผ่านหน้าสื่อว่า การผลิตเรื่องราวเกี่ยวกับเบื้องหลังสถานการณ์ในฤดูกาล และน่าจะต้องย้อนความไปเอ่ยถึงผลงานเข้าชิงแชมป์สโมสรยุโรป และแพ้ให้ลิเวอร์พูล ทีมร่วมลีกอย่างน่าเสียดาย เรื่องราวในทีมจะถูกนำไปสตรีมผ่านช่องทางของอเมซอน อีกหนึ่งผู้ให้บริการสตรีมมิ่งสื่อ สารคดีเกี่ยวกับสเปอร์สจะผลิตออกมาเป็นซีรีส์สารคดี โดยสโมสรจะได้รับเงินเข้ากระเป๋าไป 10 ล้านปอนด์เลยทีเดียว สำหรับโปรแกรมที่เชื่อว่าจะใช้ชื่อ “All or Nothing”

อเมซอน บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เติบโตต่อเนื่องจากฐานอีคอมเมิร์ซ และขยายบริการมาสู่ผลิตภัณฑ์แบบอื่น ยังมีแพลตฟอร์มที่สตรีมมิ่งเนื้อหาหลากหลายรูปแบบตั้งแต่บันเทิงยันกีฬา อเมซอนเคยตกเป็นข่าวว่ามีแผนฉายเกมพรีเมียร์ลีกในแพลตฟอร์มของตัวเองในช่วงปลายปีด้วย

แม้ว่าสโมสรจะทำเงินได้ แต่ก็ต้องแลกไปด้วยบางอย่าง ดังเช่น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน กุนซือของทีมให้สัมภาษณ์โดยยอมรับว่า การถูกบันทึกภาพจากทีมงานผลิตสารคดีสำหรับฉายให้บริการของอเมซอนเพิ่มความตึงเครียดให้การทำงาน ลองนึกง่าย ๆ ว่าทำงานในออฟฟิศแล้วมีกล้องมาถ่าย แค่สถานการณ์ปกติก็เกร็งแล้ว ไม่ต้องพูดถึงช่วงที่คนทำงานกดดัน หรืออารมณ์ไม่ปกติ การแสดงออกเมื่อมีกล้องก็ต้องปรับเปลี่ยนไป ยิ่งไม่เป็นธรรมชาติกว่าเดิม

รายงานข่าวเผยว่า ส่วนหนึ่งของซีรีส์ก็จะพูดถึงแคมเปญล่าสุดของสเปอร์ส ที่ช่วงเริ่มต้นฤดูกาลดูจะฟอร์มฝืดผิดกับผลงานในช่วงกลางปี 2019 เก้าอี้กุนซือและผู้เล่นตัวเก่งบางรายในทีมเริ่มมีเครื่องหมายคำถามควบคู่กันกับฟอร์ม ซึ่งจะยึดถือความแน่นอนได้ยาก

ไม่เพียงแค่เรื่องทำงาน แต่ประเด็นสำคัญที่ปูดออกมาเพิ่มเติม คือ เรื่องค่าตอบแทน เดลีเมล์รายงานข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า เอเย่นต์ของผู้เล่นบางรายที่เชื่อว่าพวกเขาควรได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมจากการมีส่วนร่วมในซีรีส์สารคดีครั้งนี้ด้วย แต่ยังไม่แน่ชัดว่าต้องเป็นตัวเลขเท่าไหร่ และยังอยู่ระหว่างตรวจสอบสัญญาจ้างของนักเตะที่แต่ละรายดูแลอยู่

ถ้าแหล่งข่าวซึ่งถูกยกมานั้นให้ข้อมูลใกล้เหตุการณ์ที่เกิดอยู่บ้าง ที่มาที่ไปของแนวคิดนี้มีส่วนคล้ายข้อกังวลของโปเช็ตติโนที่ว่า ทำงานอย่างเดียวก็กดดันแล้ว ยิ่งมีกล้องมาก็ยิ่งต้องวางตัวอีกแบบ แถมยังต้องมานั่งให้สัมภาษณ์ประกอบสารคดีอีก ก็น่าจะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มตามเนื้องาน ซึ่งสัญญาของสเปอร์สอาจไม่ได้ครอบคลุมเนื้องานนี้ จนพวกเขาคิดว่าแนวโน้มได้ค่าตอบแทนเพิ่มคงยาก นักเตะสเปอร์สจึงไม่พอใจ แถมยังมีสัญญาณว่านักเตะจะไม่ทำอะไรเกินกว่าที่ได้รับค่าจ้าง

แม้สเปอร์สปฏิเสธว่ายังไม่ได้รับการร้องเรียนอย่างเป็นทางการ แต่สถานการณ์นี้เป็นตัวอย่างทั้งในแง่การเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เม็ดเงินไม่จำเป็นต้องมาจากการกีฬาอันเป็นกิจกรรมหลักของทีมอีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องหาทางรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากอ้างอิงตามแหล่งข่าว มันสะท้อนว่า องค์กรต้องปรับตัวให้เร็วกว่านี้ ยิ่งในสภาวะผลงานโดยรวมของทีมไม่ดี หลายคนกำลังเก้าอี้ร้อนระอุ