รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย หนุนไทยจัดการเลือกตั้งภายในปี 2019

นางจูลี บิชอป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย เปิดอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน

สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียแห่งใหม่ ตั้งอยู่บริเวณถนนวิทยุ ไม่ไกลจากสวนลุมพินี เป็นอาคาร 5 ชั้นภายนอกทำด้วยอิฐเผาสี สีเหมือนกับทะเลทรายที่อยู่ใจกลางออสเตรเลีย และเป็นอิฐที่มีสีใกล้เคียงกับอิฐมอญแดงของไทย ตัวอาคารมีความโค้งเว้า สะท้อนลักษณะภูมิทัศน์ของประเทศออสเตรเลีย

นางบิชอป กล่าวว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาทำการเปิดสถานทูตแห่งใหม่ ในแต่ละปีมีชาวออสเตรเลียราวแปดแสนคนเดินทางมายังประเทศไทย สถานทูตแห่งนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก และด้วยการออกแบบที่โมเดิร์น และมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน จึงเหมาะกับทำงานของสตาฟฟ์ทุกคนที่ทำงานที่นี่

รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย ยังได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศอีกด้วยว่า นี่เป็นครั้งที่สองขอการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แม้ว่า 3 ปีที่แล้วจะเกิดการรัฐประหารขึ้นในไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางออสเตรเลียรู้สึกผิดหวัง แต่ปัจจุบันก็ได้ทำงานร่วมกับประเทศไทยอย่างแข็งขันเพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด โดยตนเข้าใจในบริบทของประเทศไทย จากการได้พูดคุยกับนายดอนซึ่งได้เล่าประวัติศาสตร์การเมืองไทยให้ตนฟัง

“ทางออสเตรเลียคาดหวังว่าการเลือกตั้งจะเกิดภายขึ้นในปี 2019 ตอนนี้เราได้ทำงานร่วมกับประเทศไทยไม่ใช่แค่ในระดับข้อตกลงทวิภาคีเท่านั้น แต่ในประเด็นระดับภูมิภาคด้วย”

นอกจากนี้ ยังได้แสดงความกังวลในประเด็นความขัดแย้งระดับนานาชาติหลายประเด็นด้วยกัน คือ การทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งละเมิดกฎสหประชาชาติ ทางออสเตรเลียต้องการทำงานร่วมกับหลายๆ ประเทศเพื่อหยุดการกระทำอันไม่พึงประสงค์ของเกาหลีเหนือ

ปัจจุบันออสเตรเลียได้ประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประเทศอื่นๆ ก็สามารถแสดงออกเพื่อกดดันการกระทำของเกาหลีเหนือในลักษณะเดียวกันนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะประเทศที่มีความสัมพันธ์ด้านการเงิน เศรษฐกิจ กับเกาหลีเหนือ

และยังได้แสดงความกังวลในเรื่องของการก่อการร้าย นางบิชอป ชี้ว่า ประเด็นนี้เป็นความท้าทายระดับภูมิภาค ในอาเซียน ได้มีการก่อการร้ายขึ้นในฟิลิปปินส์ ทางออสเตรเลียได้ทำงานร่วมกับอินโดนีเชียและมาเลเซีย เพื่อเรียกร้องให้มีการยุติการก่อการร้ายและความรุนแรงที่เกิดขึ้น