ยิ้มออก! รายได้ “เทสลา” Q2 เติบโต 42% จากยอดขายโมเดล3

REUTERS/Brendan McDermid
  • บีบีซี รายงานว่า รายได้ของเทสลา ไตรมาสเมษายน-มิถุนายน 2018 เติบโตขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว สุทธิอยู่ที่ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผลพวงจากที่ทางบริษัทเร่งผลิตรถยนต์โมเดล 3 ออกมาวางจำหน่ายเพิ่มในไตรมาสที่ผ่านมากว่า 4 หมื่นคัน รวมถึงโมเดล3s กว่า 18,000 คัน

ถือเป็นข่าวดีสำหรับเทสลา แม้จะมีข่าวร้ายอยู่เหมือนกัน เพราะในไตรมาสเดียวกันทางบริษัทยังขาดทุนอยู่ 717 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน เนื่องจากทางค่ายก็ทุ่มเงินมหาศาลพอตัว เพื่อส่งมอบโมเดล 3 ให้ถึงมือลูกค้าโดยเร็วที่สุด

เทสลาเคยตั้งเป้าจะผลิตโมเดล 3 ให้ได้สัปดาห์ 5,000 คัน ซึ่งในที่สุดทางบริษัทก็ทำได้สำเร็จ “หลายครั้ง” ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ เทสลาเคยโดนสบประมาทว่าส่งมอบรถช้าจากปัญหาในไลน์การผลิตที่เกิดขึ้นบ่อย

ปัจจุบัน ทางค่ายตั้งเป้าผลิตรถยนต์ 50,000-55,000 คันในไตรมาส 3 ที่จะถึงนี้

อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา กล่าวว่า “นี่ถือเป็นการเติบโตไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดดของทางเทสลาเลยทีเดียว”

อย่างไรก็ตาม มัสก์ระบุด้วยว่า ความขัดแย้งการค้าจีน-สหรัฐ และการตอบโต้กันผ่านนโยบายภาษี ทำให้ยอดขายรถเทสลาในจีนตกลง แต่ก็ได้ให้สัญญากับนักลงทุนเพื่อความสบายใจว่า จะหันมาสนใจทำตลาดในยุโรปและอเมริกาเหนือให้มากขึ้นถ้าจำเป็น เพื่อลดผลกระทบด้านรายได้และการเติบโตของบริษัท

อย่างไรก็ตาม เทสลามีแผนจะเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ในจีนด้วยเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยตั้งเป้าผลิตรถ 250,000 คัน/ปี เนื่องจากจีนถือเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่โตเร็วที่สุดของโลก นโยบายรัฐบาลที่ผลักดันผ่านสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตลอดจนราคารถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ดึงดูดให้ชาวจีนซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น

ทั้งนี้ มัสก์แสดงความมั่นใจด้วยว่า ครึ่งปีหลัง ทางบริษัทจะสามารถทำกำไรเป็นครั้งแรกได้อย่างแน่นอน โดยก่อนหน้านี้ เทสลาประกาศแผนตัดค่าใช้จ่าย โดยลดจำนวนพนักงานและค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นอื่นๆ ออก แต่รักษาพนักงานในไลน์การผลิตไว้ทั้งหมด ซึ่งนักลงทุนหลายรายที่ค่อนขอดอีลอน มัสก์ ด้านการบริหารก่อนหน้านี้ มองสอดคล้องกันว่านี่เป็นการหาทางออกที่ดีที่เทสลาควรจะทำต่อไป