หลังจากที่เกิดข้อพิพาทอย่างรุนแรงระหว่างอินเดียและปากีสถาน ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้รัฐบาลปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าชั่วคราว ขณะที่สนามบินทั้งหมดในภาคเหนือของอินเดียให้ปิดให้บริการเช่นเดียวกัน
ล่าสุด “ไทมส์ ออฟ อินเดีย” รายงานเมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) ระบุว่า ทางการปากีสถานประกาศเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟ Samjhauta Express ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเมืองลาฮอร์ เมืองหลวงของแคว้นปัญจาบ ประเทศปากีสถาน กับเมืองเดลีของอินเดีย หลังจากที่รถไฟหยุดการให้บริการไปเนื่องจากความสัมพันธ์ของสองประเทศย่ำแย่ลง
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
ทั้งนี้ “อินเดีย” รถไฟจะเริ่มต้นจากเมืองเดลี และไปสิ้นสุดที่เมืองอัตตาลีโดยจะให้บริการทุกวันพุธและวันอาทิตย์ สำหรับ “ปากีสถาน” รถไฟจะเริ่มต้นจากเมืองลาฮอร์ไปยังวากาห์ เมืองชายแดนในแคว้นปัญจาบ ซึ่งจะออกเดินทางจากลาฮอร์ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี ทั้งนี้รถไฟเส้นทางดังกล่าวสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 150 คน จากลาฮอร์สู่อินเดีย
รายงานระบุว่า สถิติการใช้บริการรถไฟลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่กองกำลังตำรวจหน่วยเสริมทหารส่วนกลาง (CRPF) 40 นายถูกสังหาร ทำให้อินเดียและปากีสถานประกาศหยุดให้บริการรถไฟเส้นทางนี้ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา
ขณะที่ “ดิ การ์เดียน” รายงานว่า เอกอัคราชทูตสหรัฐประจำอิสลามาบัดกล่าวว่า ได้รับรายงานว่าปากีสถานมีการใช้เครื่องบินเจ็ท F-16 ซึ่งผลิตในสหรัฐใช้ในการโจมตีเครื่องบินรบของอินเดีย โดยชี้ว่าอาจเป็นการละเมิดข้อตกลงทางการค้าด้านการทหารกับสหรัฐ เพราะเท่ากับว่าอาวุธที่รัฐบาลปากีสถานซื้อจากสหรัฐ ถูกนำส่งต่อเพื่อสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายภายในประเทศเอง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปากีสถานให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน สำนักงานการบินพลเรือนปากีสถาน แถลงด้วยว่า ได้เปิดให้บริการน่านฟ้าทั้งหมดอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเริ่มทยอยเปิดมาตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ช่วงค่ำของเมื่อวานนี้ เกิดเหตุการโจมตีทางอากาศอีกครั้ง โดยอินเดียส่งเครื่องบินขับไล่ทำลายโดรนไร้คนขับของปากีสถาน พร้อมอ้างว่า ระบบต่อต้านอากาศยานของอินเดียตรวจพบว่า โดรนลำดังกล่าวได้บินรุกล้ำเข้าน่านฟ้า และเชื่อว่าอาจเป็นการสอดแนมฐานที่มั่นทางทหารในพื้นที่ทะเลทรายของรัฐราชสถานด้วย