ถึงยุค “ผู้หญิงจีน” คุมเกมบริหารความมั่งคั่ง

เศรษฐกิจจีนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิด “มหาเศรษฐี” ในจีน และเอเชียมากขึ้น ทำให้ธุรกิจ “ไพรเวท แบงก์กิ้ง” ดูแลการบริหารจัดการความมั่งคั่งเป็นที่จับตามอง เพราะมหาเศรษฐีต่างต้องการหาผู้ที่มีความสามารถในจัดการทรัพย์สินที่ช่วยเพิ่มพูนความมั่งคั่ง ซึ่งหลายคนนึกถึงนายธนาคารชายผู้เชี่ยวชาญ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีน โดยเฉพาะ “ฮ่องกง” พบว่า ผู้บริหารจัดการทรัพย์สินของบรรดามหาเศรษฐีกว่าครึ่ง เป็น “ผู้หญิง”

“บลูมเบิร์ก” อ้างถึงรายงานของ “ยูบีเอส” ธนาคารเพื่อการลงทุนข้ามชาติรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า ในทุก ๆ สัปดาห์ประเทศจีนจะเกิดมหาเศรษฐีหน้าใหม่ขึ้น 2 คน ขณะที่ “ไนท์แฟรงค์” โบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษระบุว่า เอเชียจะมีมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป มากขึ้นถึง 27% ของเศรษฐีโลก

แม้ว่ามหาเศรษฐีในจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ธุรกิจบริหารเงินส่วนบุคคล ต้องเผชิญกับปัญหาทั้งด้านภาษาและวัฒนธรรมในการบริหารจัดการทรัพย์สินในจีน ที่มีความแตกต่างไปจากภูมิภาคอื่นของโลก ยูบีเอสชี้ว่า ผู้หญิงเอเชียมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะรับมือกับปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านภาษาท้องถิ่น ระบบภาษี และศักยภาพในการการสร้างความมั่งคั่งให้กับทรัพย์สินมากขึ้น และลูกค้ามหาเศรษฐีในภูมิภาคนี้ก็มีแนวโน้มที่ชื่นชอบผู้บริหารจัดการทรัพย์สินที่เป็นผู้หญิงด้วย

“ริชาร์ด จั๊ง” ลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งในฮ่องกง กล่าวว่า “ผู้หญิงมีคุณสมบัติตามที่พวกเราต้องการ ซึ่งสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความเสี่ยงและเป้าหมายในการลงทุนได้ดี แม้ว่าความรู้ด้านการจัดการทรัพย์สินจะไม่แตกต่างกันมาก แต่ความรู้ท้องถิ่นของพวกเธอกลับช่วยในเรื่องการลงทุนได้มาก พวกเราได้ข้อมูลภูมิหลังวัฒนธรรมไปจนถึงการวางแผนทางการเงิน”

ตามรายงานของ “คอร์น แฟร์รี่” บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ในฮ่องกงมีที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคลที่เป็นผู้หญิงถึง 50% และประเทศอื่นๆในเอเชีย มีผู้หญืงประมาณ 30% ขณะที่ในยุโรปมีผู้หญิงเพียง 10% เท่านั้น

ทั้งนี้รายงานระบุว่า นอกจากเหตุผลในเรื่องความสามารถทางภาษาและความรู้รอบตัวต่างๆ ที่ทำให้ผู้หญิงเป็นที่ต้องการในตำแหน่งที่ปรึกษาจัดการความมั่งคั่ง อีกปัจจัยสำคัญก็คือ ธุรกิจการเงินรายใหญ่ทั่วโลกต่างหันมาให้ความสำคัญกับเรื่อง “ความเท่าเทียมทางเพศ” ไม่ว่าจะเป็น ยูบีเอส, เจพีมอร์แกนเชส และเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ต่างเพิ่มปริมาณผู้หญิงในตำแหน่งสำคัญมากขึ้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนอัตราเงินเดือนและเลื่อนตำแหน่งอย่างเท่าเทียม

ประกอบกับจำนวนลูกค้ามหาเศรษฐีที่เป็นผู้หญิงในจีนกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามรายงานของ “ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส” (PwC) ระบุว่า เศรษฐินีชาวเอเชียเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า นับแต่ปี 2005

“เอมี โล” ประธานและผู้บริหารธุรกิจ Wealth Management ประจำจีนแผ่นดินใหญ่ของธนาคารยูบีเอส กล่าวว่า “จีนเป็นตลาดที่มีความสำคัญ ยิ่งในปัจจุบันมีลูกค้าเศรษฐีรายใหม่ในจีนมาใช้บริการทุกสัปดาห์ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องการ คือทีมที่ปรึกษาการลงทุนที่สามารถสื่อสารภาษาท้องถิ่นได้ และเข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรม”

โดยก่อนหน้าที่เธอจะมารับตำแหน่ง ผู้บริหารส่วนใหญ่ถูกส่งมาจากสำนักงานใหญ่มักเป็นชายชาวต่างชาติ แต่ปัจจุบันที่ปรึกษาการเงินของยูบีเอส เป็นชาวเอเชียมากกว่า 40% และสัดส่วนของผู้หญิง เพิ่มขึ้น 2 เท่า ทั้งนี้ “เอมี โล” ย้ำว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน จำนวนผู้หญิงเพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีผ่านมา ขณะที่ธุรกิจการบริหารจัดการความมั่งคั่งกำลังเป็นที่น่าสนใจ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเปิดกว้างทางเพศมากขึ้น

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติเฉพาะของผู้บริหารจัดการความมั่งคั่งผู้หญิงเอเชีย ที่ตอบรับความต้องการของลูกค้ามหาเศรษฐี หรือกระแสการให้ความสนใจในประเด็นความเท่าเทียมทางเพศของเหล่าบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก ต่างก็ส่งผลดีต่อสถานภาพของ “ผู้หญิง” ในวงการเศรษฐกิจทั้งสิ้น และอาจเป็นอนาคตอันสดใสของผู้หญิงที่จะก้าวสู่การเป็นเศรษฐินีมากขึ้นด้วย