ตัวจริง “โดนัลด์ ทรัมป์” นักธุรกิจร่ำรวยหรือถังแตก ?

(Photo by Brendan Smialowski / AFP)

ศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และ นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต เปิดฉากอย่างเป็นทางการในเวทีดีเบตครั้งแรก ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้

การดีเบตเป็นไปอย่างวุ่นวาย “คุณเงียบสักทีได้ไหม ทำตัวไม่เหมือนประธานาธิบดีเลย” ไบเดนกล่าวขณะที่ทรัมป์พยายามจะพูดแทรก และขอให้ทรัมป์ “หุบปาก” ทั้งยังล้อเลียน “ทรัมป์” ว่าเป็น “ตัวตลก” ทรัมป์แย้งกลับว่า “ไบเดนจบการศึกษาโดยผลการเรียนอยู่ในระดับเกือบต่ำที่สุดในห้อง ไม่ต้องมาใช้คำว่าฉลาดกับผม”

แต่ก่อนเวทีดีเบตก็มี “ระเบิด” ออกมาถล่มทรัมป์ โดยจากสำนักข่าว “นิวยอร์กไทมส์” เปิดเผยข้อมูลจากเอกสารของกรมสรรพากรอเมริกา (IRS) และหลักฐานการเสียภาษีเงินได้ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าทรัมป์ไม่ได้มีการจ่ายภาษีถึง 10 ปี และในช่วงปี 2016 และ 2017 ทรัมป์เสียภาษีเพียง 750 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 24,000 บาท) เท่านั้น

โดยมีรายละเอียดธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงแรมและกาสิโนซึ่งมีชื่อของทรัมป์เป็นเจ้าของ อาทิ โรงแรมทรัมป์ ทัจมาฮาล, ทรัมป์ โฮเทล และกาสิโน รีสอร์ต, ทรัมป์ พลาซา และกาสิโน, ทรัมป์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์และรีสอร์ต ฯลฯ ประสบภาวะขาดทุนทำให้ไม่ต้องเสียภาษี

“ทิม โอไบรอัน” ผู้เขียนชีวประวัติทรัมป์ กล่าวว่า การพยายามเปิดโปงข้อมูลการเสียภาษีของทรัมป์ มีจุดมุ่งหมาย 2 ข้อ ข้อแรก คือ การที่คนอเมริกันทั่วไปจ่ายภาษี แต่ทรัมป์ไม่จ่าย และกำลัง “หัวเราะเยาะ” คนที่จ่ายภาษี และ ข้อที่ 2 คือ การที่ทรัมป์มีหนี้จำนวนมากและธุรกิจขาดทุนจนไม่ต้องเสียภาษี กลายเป็น “ภัยความมั่นคงแห่งชาติ”

เอกสารของกรมสรรพากรสหรัฐระบุถึงธุรกิจของทรัมป์ อย่างเช่น “สนามกอล์ฟ” ตั้งแต่ปี 2000 ประสบภาวะขาดทุน 315.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (9.9 พันล้านบาท) และธุรกิจโรงแรมขาดทุนอีกหลายร้อยล้าน

รายงานข่าวระบุว่า ทรัมป์ยังใช้ธุรกิจตัวเองเป็นช่องทางให้ “ล็อบบี้ยิสต์” จ่ายเงินเข้ากระเป๋าผ่านธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งทรัมป์ใช้ “ความโด่งดัง” ไปซื้อและสนับสนุนธุรกิจ แต่ยอมให้ธุรกิจขาดทุนเพื่อเลี่ยงการเสียภาษี และทรัมป์ยังมีหนี้เป็นเงินกู้ส่วนตัวอีก 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ต้องชำระอีก 4 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าจุดประสงค์ของการออกมา “แฉ” ทรัมป์ อาจไม่ใช่เปิดโปงว่าทรัมป์หลีกภาษี แต่เป้าหมายเพื่อทำลายภาพลักษณ์ “นักธุรกิจ” ของทรัมป์มากกว่า

“บาร์บาร่า เพลต์ อัชเชอร์” นักข่าวบีบีซีรายงานว่า เอกสารเปิดโปงทรัมป์ครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนที่เรียกว่า “Average Joe” และ “Blue Collar Worker” ซึ่งหมายถึงกลุ่มผู้ชายผิวขาวชนชั้นแรงงาน ซึ่งกลุ่มนี้เมื่อปี 2016 โหวตให้ทรัมป์ ทั้งที่ปกติจะไม่โหวตฝั่งพรรครีพับลิกัน เพราะมองว่าทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และคาดหวังว่าทรัมป์จะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น

ความสำคัญกลุ่ม “Average Joe” คือเป็นผู้อาศัยอยู่ที่ “สะวิงสเตต” หรือรัฐที่ผลโหวตค่อนข้างสูสีกัน ซึ่งเมื่อปี 2016 ทรัมป์เฉือนชนะในรัฐเหล่านี้ไม่ถึง 1% จากเดิมจะโหวตให้พรรคเดโมแครตมาตลอด ดังนั้น ถ้าคนกลุ่มนี้กลับใจไปโหวตเดโมแครต “ไบเดน” ก็สามารถทวงคืนในพื้นที่เหล่านี้ได้

ขณะที่ทรัมป์ยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่จะมาทำลายภาพลักษณ์นักธุรกิจ ซึ่งสถิติปัจจุบันกลุ่ม “ผู้ชายผิวขาวชนชั้นแรงงาน” ก็เป็นกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร หลังจากการดีเบตครั้งที่ 1 และทรัมป์ยังคงตามหลังไบเดนอยู่ในหลาย ๆ โพล