เคอีกรุ๊ปแตกบริษัทลูก KECP ลงทุนนำร่อง “อินเตอร์คอน หัวหิน” 600 ล้าน

เคอีกรุ๊ปแตกบริษัทลูก KECP ลงทุนนำร่อง “อินเตอร์คอน หัวหิน” 600 ล้าน

วันที่ 6 ตุลาคม 2564 นายกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานกรรมการ เคอี กรุ๊ป เปิดเผยว่า วิสัยทัศน์การลงทุนของกลุ่มเน้นธุรกิจด้านการลงทุน Real Estate Private Equity ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในต่างประเทศ อาทิ ในอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยลงทุนผ่านบริษัทลูก KECP ซึ่งถือหุ้นโดยเคอีกรุ๊ปและพันธมิตรร่วมลงทุน

นายนนท์ บุรณศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคอี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส จำกัด (KE Capital Partners) กล่าวเพิ่มเติมว่า  KECP มีการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 600 ล้านบาท ของบริษัท หัวหิน อัลฟ่า 71 จำกัด เจ้าของโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน (InterContinental Residences Hua Hin ซึ่งให้ผลตอบแทนในการลงทุน 7.5% ในปีแรกและ 10% ในปีต่อไป รวมระยะเวลา 3 ปี ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

โดยโครงการนี้ มีมูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท มีจุดขายที่เป็น Branded Residence โครงการแรกของ Inter Continental ในไทย เป็นหนึ่งในเก้าแห่งของโลกที่ใช้แบรนด์เรสซิเดนซ์ของอินเตอร์คอนติเนนตัลซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยระดับลักเซอรี่ ทำเลที่ดินติดหาดใจกลางเมือง มียอดขายสะสม 74% โครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างและมีแผนการโอนในปี 2565 มีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ สปา, พื้นที่จัดเลี้ยงริมหาด (Beach Pavilion) ราคาเฉลี่ย 240,000 บาทต่อ ตร.ม.

นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จอย่างมากในการระดมทุน โดยการออกหุ้นบุริมสิทธิ์ของบริษัท หัวหิน อัลฟ่า 71 จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน มูลค่า 600 ล้านบาท ให้กับ KECP

Advertisment

อนึ่ง บริษัท เคอี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส (KECP) ทำหน้าที่บริหารจัดการการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยมุมมองที่ต้องการกระจายการลงทุนไปสู่ทรัพย์สินในการลงทุนทางเลือก (Alternative Assets) เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทน และลดความเสี่ยง รวมทั้งต้องการแนะนำนักลงทุนไทยที่มีศักยภาพให้ได้มีโอกาสไปลงทุนในโครงการที่ดีทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการมีพันธมิตรร่วมที่เป็นบริษัท หรือแฟมิลี่ออฟฟิศ (Family Office) ที่มีความสนใจในการลงทุน

โดยในไทยเน้นการร่วมลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ คอนโดมิเนียม และโรงแรมร่วมกับพันธมิตรบริษัทอสังหาริมทรัพย์และเชนโรงแรม ซึ่งจะทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์รวมถึงเจ้าของที่ดินในประเทศสามารถนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายธุรกิจ เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทมีข้อได้เปรียบอย่างมากในการหาโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพสูง ด้วยมีเน็ตเวิร์ก และพาร์ทเนอร์ที่อยู่ในวงการลงทุนชื่อดัง และมีสินทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีในหัวเมืองที่สำคัญ มีผลตอบแทนชัดเจนและมูลค่าเพิ่มที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ กล่าวคือเฉลี่ยมากกว่า 18-20% ในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น