เรือหลวงสุโขทัย : 3 วันแห่งการไร้ข้อมูล สู่บ่ายแห่งความหวังจากข่าวลวง

 

ญาติ

Thai News Pix
ญาติของผู้สูญหายจุดธูปอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ท่าเรือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

 

หลังจากตั้งตารอมาอย่างไร้ความหวัง 3 วัน มาลินี ผุดผ่อง ญาติของจ่าโท สหรัฐ อีสา ตัดสินใจเดินทางจากบ้านที่ จ.ปทุมธานี มาที่ท่าเรือน้ำลึกที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะมาขอความชัดเจนเรื่องหลานของเธอที่ยังหาตัวไม่พบ

“ข้อมูลก็มีเท่าที่ทราบ ก็ทราบกันแค่นี้ เขา (กองทัพเรือ) ไม่ได้ช่วยเหลือให้ข้อมูลเลย” มาลินีตัดพ้อ

Advertisment

“เราก็รอเอง รอแบบนี้ แต่ว่าความชัดเจนไม่มี จริง ๆ เขาก็ไม่ได้บอกให้เรารอหรืออะไรนะ แต่เราประสงค์ที่จะรอแบบนี้จนกว่าจะหาหลานเจอ”

มาลินีเป็นหนึ่งในสมาชิก 4 ครอบครัวของทหารเรือที่มาเฝ้ารอ ณ บริเวณท่าเรืออ่าวน้ำลึก ของบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด เพื่อฟังข่าวภารกิจการช่วยเหลือชีวิตผู้สูญหาย 23 คน จากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางเมื่อกลางดึกของ 18 ธ.ค.

แม้ผ่านมา 3 วันแล้ว ภารกิจค้นหายังดำเนินต่อไป และญาติของผู้ประสบภัย ต่างยังเฝ้ารอด้วยความหวังว่าคนที่พวกเขารักจะกลับมา

“ถ้าเขากลับมาทันที เราก็อยากเจอ เรารอด้วยความหวัง เรารอ 3 วันแล้ว พวกเราใส่เสื้อผ้าเดิม ใส่ชุดเดิม ถ้าไม่มีความหวังเราก็ไม่รอแบบนี้ มันพูดยาก” มาลินีกล่าวกับบีบีซีไทย

Advertisment
พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์

Thai News Pix
พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์  ผู้บัญชาการทหารเรือ ในงานแถลงข่าวเมื่อ 20 ธ.ค.

ความหวังสั้น ๆ จากข่าวลวง

ความกระวนกระวายถูกแทนที่ด้วยความหวัง เมื่อมีกระแสข่าวเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์เมื่อ 21 ธ.ค. ว่าพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 ราย ที่ลอยคอนานกว่า 60 ชั่วโมง และยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมอีกรวม 4 คน ญาติที่รอคอยด้วยความหวังต่างกระโดดกันขึ้นมาสวมกอดกันด้วยสีหน้าอันดีใจ

ญาติหลายคนบอกผู้สื่อข่าวว่าทันทีที่ญาติของเขาเดินทางขึ้นฝั่งมา จะมาบอกถึงความรู้สึกและเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกทีหนึ่ง แต่หลายชั่วโมงผ่านไป ทางกองทัพเรือไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ จนกระทั่งเวลา 17.00 น. ทางกองทัพเรือก็แจ้งว่าข่าวที่แชร์อยู่นั้นเป็นข่าวปลอม ทำให้ครอบครัวที่เห็นความหวังอยู่รำไร กลับไปอยู่ในภาวะซึมเศร้าอีกครั้ง จนมีนักจิตวิทยาของกองทำเรือเข้าไปพูดคุยปลอบใจ ก่อนที่จะเรียกทุกครอบครัวที่เฝ้ารออยู่มาคุยรวมกันถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้รอฟังข้อมูลอย่างเป็นทางการจากกองทัพเรือเท่านั้น

ทหารเรือรายหนึ่งที่ไม่ประสงค์จะออกนามอธิบายให้บีบีซีไทยฟังว่า เขาก็รู้สึกไม่ต่างอะไรกับครอบครัวของผู้สูญหาย เพราะลูกเรือหลายคนที่ยังหาตัวไม่พบ ต่างก็เป็นเพื่อนที่ทำงานอยู่หน่วยเดียวกัน ฝึกซ้อมมาด้วยกัน แต่วันเกิดเหตุเขาได้รับมอบหมายให้ไปทำงานในภารกิจอื่น จึงไม่ได้เดินทางไปกับเรือหลวงสุโขทัย เขาอธิบายความรู้สึกว่าเขาเองก็ “กินไม่ได้ นอนไม่หลับ” ไม่ต่างอะไรไปจากญาติ ๆ ที่มารอฟังข่าว

https://twitter.com/prroyalthainavy/status/1605507013450121218?s=20&t=WqabAnDEIY9wlLYEbKzdfw

บีบีซีไทยได้สอบถามเพิ่มเติมถึงความเป็นไปได้ที่ร่างของลูกเรือที่ยังหาตัวไม่พบจะพัดไปไกลออกน่านน้ำไทยไป เพราะ 1 ในศพที่พบถูกพัดลอยไปไกลถึงเกาะเต่า เจ้าหน้าที่ทหารคนดังกล่าวระบุว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะลอยออกไปนอกน่านน้ำไทย เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากชายฝั่งเพียงแค่ 19 ไมล์ทะเล หรือเทียบเท่ากับระยะทาง 40 กิโลเมตรทางบก

“ทะเลในบริเวณอ่าวไทยเป็นทะเลปิด และไม่มีร่องน้ำที่จะพัดออกไปนอกน่านน้ำไทย ด้วยสภาพทะเลแบบนี้ คลื่นจะพัดร่างเข้าชายฝั่งทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ และพัดไปตรงไหน ไม่ว่าร่างนั้นจะยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว ก็จะถูกพัดเข้าฝั่ง” เขาอธิบาย

“ส่วนภารกิจการค้นหา ส่วนตัวคาดว่าจะดำเนินต่อไปจนพบร่างผู้สูญหายทั้งหมด ในช่วงแรกเราใช้แต่เรือใหญ่ในการออกหา เพราะว่าคลื่นยังแรงอยู่ แต่หลังจากนี้ไปอีก 1-2 วัน เราจะเริ่มใช้เรือเล็กเลาะตามแนวชายฝั่งทั้งหมดเพื่อหาว่าจะมีร่างพัดไปตรงจุดใดบ้าง”

นอกจากทางกองทัพเรือที่ปฏิบัติภารกิจการค้นหาอยู่ในขณะนี้ ก็ยังมีการแจ้งข่าวถึงสิ่งที่พบเห็นอยู่กลางทะเลจากตำรวจน้ำ หน่วยกู้ภัย มูลนิธิต่าง ๆ และชาวประมง ทำให้ภารกิจการค้นหานี้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น

Relative

Thai News Pix
ญาติที่รอ “ข่าวดี”

“พวกเราทำอะไรไม่ได้นอกจากการรอ”

หลังกองทัพเรือแจ้งข่าวกับญาติที่มารอที่บริเวณท่าเรือน้ำลึก ใน อ.บางสะพาน ทุกคนต่างก็ผิดหวังและกลับมามีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดเจน หลังจากที่นายทหารจากกองทัพเรือเรียกญาติทั้งหมดเข้าไปชี้แจ้งแล้ว ญาติ ๆ ทุกคนต่างขอความเป็นส่วนตัวและไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ กับสื่อมวลชน ก่อนจะเดินทางออกจากศูนย์อำนวยการชั่วคราวกลับไปยังที่พัก

“ถ้ามีข่าวก็คงจะแจ้งเรา เรามาเห็นหน้างาน เราก็ต้องรอข่าวจากข้างใน เราคาดคั้นข้อมูลเพิ่มเติมอะไรจากเขาไม่ได้ ถ้าเขาตอบได้ ก็คงตอบไปแล้ว” มาลินีพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“จริง ๆ แล้วใจไม่รู้สึกเศร้าอย่างนี้หรอก แต่เราพยายามเข้าใจแบบนี้ พอเรามาเห็นหน้างานแล้วก็เข้าใจ มันจะไปไหนก็ไปไม่ได้ นอกจากทีมค้นหาที่ออกไปในทะเล ไปตามหาญาติของพวกเรา แต่เขาก็ยังไม่มีคำตอบ” มาลินีอธิบาย

“จุดประสงค์ของทางกองทัพเรือคือการค้นหาที่ประสบความสำเร็จ ส่วนพวกเราก็มีจุดประสงค์ในการรอคอย ก็อยากให้เขาหาให้เจอ แม้จะมีจุดประสงค์คนละอย่าง แต่ท้ายที่สุดเราก็มีความหวังแบบเดียวกัน”

ขบวนรถ

Thai News Pix
20 ธ.ค. ขบวนรถนำร่างไร้วิญญาณไปพิสูจน์เอกลักษณ์ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์

 

มาลินีบอกกับบีบีซีไทยว่าญาติ ๆ ทุกคนต่างต้องต้องทำความเข้าใจการทำงานของทีมค้นหาทางทะเล โดยเธอและญาติคนอื่นล้วนได้รับการอธิบายจากกองทัพเรือว่าเริ่มมีการปูพรมค้นหาที่น่านน้ำใน จ.สุราษฎร์ธานี แล้ว ซึ่งมาลินีคิดว่าควรทำมาตั้งแต่วันแรกแล้ว

“วันแรก ปูพรมรัศมี 10 กิโลเมตร มาวันนี้ ก็ออกไปอีก เริ่มต้นใหม่อยู่เรื่อย เข้ามาก็ต้องออกไปใหม่ แทนที่จะทำตั้งแต่ต้น ให้พื้นที่แคบมากขึ้น หาง่าย เอาเรือออกบางส่วน กันหลง กันพลาด… เพราะการบริหารข้างใน ไม่ได้บอกเราหมด” มาลินีกล่าว

“พวกเราทำอะไรไม่ได้นอกจากการรอ จะให้เกณฑ์ญาติพี่น้องมาช่วยหา เราก็ไม่กล้าออกจากชายฝั่งไปอีก ขนาดเรือรบยังจม เราจะไปทำอะไรได้”

ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นายที่พบศพแล้ว ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยในวันที่ 22 ธ.ค. กองทัพเรือจะนำกำลังพลที่เสียชีวิตและพิสูจน์อัตลักษณ์แล้วจำนวน 6 รายเดินทางกลับอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ จากกองบิน 5 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีกำหนดเดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภา ในช่วงบ่าย ซึ่งพล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือจะเป็นประธานในพิธีรับกำลังพลที่เสียชีวิต โดยพิธีจะเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับอย่างสมเกียรติ

เสธ ทร

Thai News Pix
พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ ทร. อธิบายถึงเส้นทางการค้นหาผู้สูญหาย ในการแถลงข่าวเมื่อ 20 ธ.ค.

 

……

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว