“ทรูมันนี่” เปิดบริการใหม่ หวังขยายฐานผู้ใช้เพิ่ม 30 ล้านคน

ทรู มันนี่ อีวอลเล็ต

ตลาดอีวอลเล็ทไทยแข่งแรง “ทรูมันนี่วอลเล็ท” ผุดบริการใหม่ ‘Start Invest’ บริการเปิดบัญชีและชำระเงินซื้อขายกองทุนรวมผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet เจาะกลุ่มลูกค้าทรูมันนี่ 15 ล้านคน พร้อมตั้งเป้าปี 2566 สปีดลูกค้าเพิ่ม 30 ล้านคน

วันที่ 23 พ.ย.2563 นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ตลาดอีวอลเล็ทในไทย ถือว่ามีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง โดยทรูมันนี่วอลเล็ท ถือเป็นผู้นำตลาดนี้ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 70-75% ของตลาดรวม พร้อมเดินหน้าสร้างความแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นๆ ด้วยการเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการทั้งด้านเพย์เมนต์และบริการการเงินอย่างครบวงจร

ล่าสุดได้เปิดตัวบริการใหม่ ‘Start Invest’ บริการเปิดบัญชี และชำระเงินซื้อขายกองทุนรวมผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet

สำหรับโจทย์สำคัญของ ‘Start Invest’ คือ การออกแบบให้ใช้งานง่าย สามารถเปิดพอร์ตการลงทุนได้ผ่านทรูวอลเล็ท โดยไม่ต้องไปที่สาขา สามารถดูรายละเอียดกองทุนและเข้าถึงกองทุนได้กว่า 600 กองทุน จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำในไทยกว่า 10 แห่ง และคาดว่าภายในไตรมาส 2 ปี 2564 จะสามารถดึง บลจ.ทุกแห่งในไทยให้เข้าร่วมกับทรูมันนี่ว็อลเล็ทได้

“ปัจจุบันมีคนไทยเพียง 4% จากประมาณประชากรทั้งหมด 67 ล้านคน ที่สามารถเข้าถึงบริการด้านการเงินได้ ดังนั้นบริษัทได้พัฒนาบริการ ‘Start Invest’ ขึ้น เพื่อมาแก้โจทย์นี้และทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย สะดวก และไม่ต้องกรอกเอกสารจำนวนมาก และคาดว่าหลังจากเปิดบริการนี้แล้วจะทำให้ฐานลูกค้าเดิมของทรูมันนี่กว่า 15 ล้านราย หันมาใช้บริการเปิดบัญชีลงทุนอย่างน้อย 600,000-1 ล้านรายภายในปี2564 หรือ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท”

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน ทรูมันนี่วอลเล็ท มีบริการออนไลน์ให้เลือกหลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเติมเงิน และการชำระเงินเหมือนเมื่อก่อน แต่ขยายไปถึงบริการประกัน บริการสินเชื่อกับทรูมูฟเอช ‘ผ่อน 0% ไม่ง้อบัตรบัตรเครดิต’ โดยมีลูกค้า Active User เฉลี่ยต่อเดือน อยู่ที่10 ล้านคน จากลูกค้าทั้งหมด 15 ล้านคน โดยสัดส่วนการใช้จ่ายของลูกค้าส่วนใหญ่จะมาจากการซื้อสินค้าออนไลน์ การใช้ทรูมันนี่วอลเล็ทที่เซเว่นอีเลฟเว่น และบริการอีเพย์เมนต์

“เป้าหมายของทรูมันนี่วอลเล็ทอีก 3 ปีข้างหน้า คือ การขยายฐานลูกค้าในไทยให้ได้กว่า30 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 50% ของประชากรทั้งหมดประเทศ จากการขยายบริการใหม่ๆที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้”