ระวังราคาสินค้าขึ้นแซงหน้าค่าแรง

บทบรรณาธิการ

หลังรอรับอานิสงส์ข่าวดีมาตั้งแต่ต้นปี ล่าสุด บัญชีอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำฉบับใหม่ ซึ่งแยกเป็น 7 ระดับ หรือ 7 กลุ่มจังหวัด ตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง หรือบอร์ดไตรภาคี อัตราต่ำสุดที่ 308 บาท/วัน สูงสุด 330 บาท/วัน มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา

แม้ค่าจ้างที่ปรับขึ้นไม่ได้ทำให้ลูกจ้างมีรายได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่ราคาสินค้าและค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง อย่างน้อยน่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ทำให้ผู้ใช้แรงงานซึ่งต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สวนทางกับรายได้ พอมีเงินเก็บออมเป็นหลักประกันในการดำรงชีวิต

ในส่วนผู้ประกอบการและนายจ้างนั้น แม้การปรับขึ้นค่าแรงจะส่งผลทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แต่รัฐบาลได้ออกมาตรการลดหย่อนภาษี 3 มาตรการลดผลกระทบ โดยรัฐยอมสูญเสียรายได้ในปีนี้ 5.4 พันล้านบาท ค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับขึ้นรอบใหม่จึงทำให้ลูกจ้าง นายจ้างส่วนใหญ่ยอมรับได้ ยกเว้นผู้ประกอบการรายกลาง รายเล็ก หรือเอสเอ็มอี ที่อาจมีภาระหนักขึ้น

ขณะเดียวกันค่าแรงที่ปรับขึ้นจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นคนระดับล่าง ปลุกเศรษฐกิจฐานรากที่ยังซบเซาเพราะคนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายให้กลับมากระเตื้อง ส่งผลด้านบวกต่อเศรษฐกิจประเทศในภาพรวม

ที่ต้องจับตามองและเกาะติดความเคลื่อนไหวใกล้ชิดคือ การขยับขึ้นราคาสินค้าของพ่อค้าคนกลาง รวมทั้งผู้ผลิตและจำหน่าย ที่มักอาศัยจังหวะช่วงขึ้นเงินเดือน อัตราค่าจ้างเป็นข้ออ้างปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งไม่เป็นธรรม และเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค

ถือเป็นเรื่องดีที่ รมว.พาณิชย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาไว้ล่วงหน้า โดยเชิญผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้าหารือ ขอความร่วมมือไม่ให้ขึ้นราคาสินค้า พร้อมสั่งการให้กรมการค้าภายในออกตรวจสอบป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการปรับราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผล

ขณะเดียวกันก็มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชิญชวนผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ จัดโปรโมชั่นขายสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันในร้านธงฟ้าประชารัฐ โดยลดราคาพิเศษ 10-15% ช่วง 1-3 เดือนจากนี้ไป เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำรอย

ส่วนในระยะยาวเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานต้องประสานความร่วมมือทั้งแนวทางปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมาย ป้องกันไม่ให้ผู้ผลิต ผู้ค้าขึ้นราคาสินค้าในลักษณะเอารัดเอาเปรียบ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นนอกจากค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นจะไม่มีความหมายแล้ว คนทั่วไปก็จะเดือดร้อนไปด้วย