“โคม่า” แล้ว !

คอลัมน์สามัญสำนึก
โดย สมปอง แจ่มเกาะ

ช่วงนี้เท่าที่สังเกตคนไทยเป็นกันมากขึ้นไปไหนมาไหน ไม่ว่าจะอยู่ที่ทำงาน กำลังประชุม กำลังขึ้นลิฟต์ นั่งรถเมล์-รถไฟฟ้า ร้านอาหาร เดินในห้าง ซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ

หากมีเสียงกระแอมกระไอ เสียงจาม เป็นไม่ได้เลยทีเดียว

ได้ยินเมื่อไหร่ เป็นอันต้องหันขวับทันที พร้อมกับอากัปกิริยาต่าง ๆ ที่ตามมา ทั้งปิดปากปิดจมูก การพยายามเดินเลี่ยงหนี เพื่อป้องกันตัวเองและลดความเสี่ยง

คงเป็นเพราะความหวาดระแวง ความวิตกกังวลกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ที่กำลังทำให้เมืองไทยวุ่นวายอยู่ในขณะนี้

ตอนนี้คนไทยหายใจเข้า-หายใจออก เป็นไวรัสโควิด-19 ทั้งประชาชนคนเดินดินกินข้าวแกงยันไปจนถึงบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ล้วนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป ที่หนักกว่าใครเพื่อน หลัก ๆ ก็เป็นธุรกิจสายการบิน โรงแรม บริษัททัวร์ ร้านอาหาร ฯลฯ ที่ถึงขนาดต้องลดคนงาน เลิกจ้าง บางรายสู้ไม่ไหวก็ปิดกิจการ โบกมือลาโรงไปแล้วนับไม่ถ้วน อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ รับรู้กันมาเป็นระยะ ๆ

Advertisment

ได้แต่เป็นกำลังใจขอให้สู้ และก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

แต่ที่หนักหนาสาหัสมากกว่านั้นก็เห็นจะเป็น การบริหารจัดการของรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ เข้าขั้น “โคม่า”

ลำพังเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่ยังอยู่ในภาวะ “ติดหล่ม” และยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ก็ยากมากพอแล้ว และมาเจอกับไวรัสโควิด-19 เข้าอีก

งานนี้ รัฐบาลถึงขนาด “เมาหมัด” เซถลาเหมือนนกปีกหักไม่มีผิด

Advertisment

ไม่ต้องอื่นไกล แค่เรื่องหน้ากากอนามัย เพียงเรื่องเดียว…นี่ก็เป็นมหากาพย์เรื่องยาวหลายตอนจบ

ถึงวันนี้ (13 มีนาคม) ก็ 2 เดือนเต็ม ๆ แล้ว ที่ไวรัสร้ายแพร่ระบาดมาถึงเมืองไทย แต่หน้ากากอนามัยก็ยังเป็นของหายากและราคาแพง คนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถหาซื้อได้

คนทั่ว ๆ ไปไม่มีหน้ากากใช้อาจจะไม่เป็นไร แต่หมอ-พยาบาล ที่ถือเป็นด่านหน้าที่จะต้องรบกับไวรัสร้าย ไม่มีหน้ากากใช้ นี่ซิมันเป็นเรื่องแปลกและผิดวิสัยเอามาก ๆ

แต่ที่กระทรวงสาธารณสุข หมอคนไหน โรงพยาบาลคนไหน ให้ข่าวว่าไม่มีหน้ากากใช้ หน้ากากไม่พอ เดี๋ยวก็มีผู้บริหารโทรศัพท์ไปเฉ่ง ไปต่อว่า ห้ามให้ข่าว

มิเท่านั้น ปรากฏการณ์นี้ยังลามไปถึงโรงพยาบาลนอกสังกัดด้วย

ตอนนี้หลาย ๆ โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่-พยาบาล ต้องสลับสับเปลี่ยนเวลามาช่วยกันตัดเย็บหน้ากากใช้ในโรงพยาบาล อีกด้านหนึ่งก็ต้องป่าวประกาศขอรับบริจาค

อนาถใจจริง ๆ แทนที่แม่ทัพจะจัดหาอาวุธให้นักรบ แต่นี่ปล่อยให้นักรบต้องดิ้นรนหาอาวุธไปสู้กับข้าศึกเอง ไม่เชื่อลองไปถามหมอ ถามพยาบาลดู ตอนนี้เขาวิกฤตศรัทธาหนักมาก

ส่วนที่กระทรวงพาณิย์ ที่มีหน้าที่ดูแลราคาหน้ากาก ตอนนี้ยิ่งมีอำนาจล้นฟ้า สวมบทบาทใหม่ เป็นผู้ควบคุมสต๊อก-แจกจ่าย-กระจายสินค้า แต่เดินเข้าร้านเซเว่นฯ มินิบิ๊กซี โลตัส เอ็กซ์เพรส ฯลฯ พนักงานก็บอกว่า ของไม่มี ของยังไม่มา หลายคนแทบจะไปกางมุ้งนอนรอที่หน้าร้านให้มันรู้แล้วรู้รอด

แต่ที่น่าเอือมระอา เมื่อพบว่ามีตัวเหลือบที่แสวงหาประโยชน์จากภาวะหน้ากากขาดแคลน โรงพยาบาล-ประชาชนเดือดร้อน ไม่มีของใช้ แทนที่จะเงื้อดาบฟันคนผิด คนขี้โกง แต่กลับไปไล่ล่าคนที่เปิดโปง คนผิดยังลอยนวล เรื่องแบบนี้ เจ้ากระทรวงทำอะไรอยู่ รัฐบาลทำอะไรอยู่

เรื่องแบบนี้มันทำคนเดียวไม่ได้หรอก

ต้องขอบคุณมหันตภัยไวรัสร้ายที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นด้านมืดของรัฐบาล ภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างแจ่มชัดและเป็นรูปธรรม

ขอบคุณด้วยความจริงใจจริง ๆ

รัฐบาลไม่เก่ง ทำงานไม่เป็น อีกไม่นานคนไทยก็ตายกันหมด

ดีใจกับคนจีนที่มีผู้นำประเทศเก่ง